เมื่อประชาชนไม่ยอมกักตัวอยู่ในบ้าน

เมื่อประชาชนไม่ยอมกักตัวอยู่ในบ้านตำรวจอินเดียจึงต้องงัดวิธีการเด็ดเข้ามาช่วยด้วยการใส่หน้ากากเชื้อไวรัสโควิด-19 เพื่อต้องการให้ประชาชนกลัว 

    เป็นเรื่องที่น่าต้องวนไปสำหรับหลายๆประเทศเมื่อรัฐบาลออกมาประกาศให้ทุกคนช่วยกันระวังการติดเชื้อไวรัส โควิด-19  ด้วยการพยายามให้กักบริเวณตัวเองอยู่แต่ในบ้านไม่ออกมาข้างนอกรวมถึงให้สวมใส่หน้ากากอนามัยและใช้เจลล้างมือซึ่งวิธีการนี้เป็นวิธีการขั้นต้นของทุกประเทศที่รัฐบาลออกมาประกาศขอความร่วมมือกับประชาชนทุกคนไม่ว่าประเทศไหนก็ตามก็มักจะมีผู้คนพยายามฝ่าฝืนสิ่งที่รัฐบาลพยายามร้องขอเพื่อให้ช่วยกันลดปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19  หนึ่งในประเทศที่มีปัญหาเดียวกันนี้

ก็คือประเทศอินเดียซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอินเดียมักจะพบว่าชาวบ้านไม่ยอมให้ความร่วมมือในการที่จะกักบริเวณตัวเองอยู่แต่ในบ้านตามที่ราชการทำการร้องขอและถึงแม้ทางรัฐบาลจะได้ออกมาตรการขั้นเด็ดขาดด้วยการประกาศเคอร์ฟิวแต่ก็ไม่สามารถยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19ได้รวมถึงไม่สามารถหยุดการออกนอกบ้านของชาวบ้านได้เลยในปัจจุบันประเทศอินเดียมีผู้ติดเชื้อไวรัสมากกว่า 1000 คน

และยังมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆสาเหตุก็เนื่องจากว่าประชาชนของประเทศอินเดียไม่เชื่อฟังคำสั่งของรัฐบาลและไม่เกรงกลัวกฎหมายถึงแม้ว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีการหามาตรการมาบังคับให้ประชาชนอยู่ในบ้านแล้วก็ตามซึ่งก่อนวันนี้เราจะเห็นว่ามีนายตำรวจของประเทศอินเดียนำไม้มาฟาดคนที่ไม่กักบริเวณตัวเองอยู่แต่ในบ้านแต่ถึงแม้จะโดนตีโดนฟาดประชาชนก็ยังพยายามที่จะเดินทางออกนอกบ้านกัน

ดังนั้นจึงมีเจ้าหน้าที่ตำรวจหัวใสคิดค้นวิธีการที่จะสามารถทำให้ประชาชนอยู่แต่ในบ้านโดยการสร้างหมวกกันน็อคที่เป็นรูปทรงของเชื้อไวรัสโควิด-19  และหลังจากนั้นก็สวมใส่หมวกกันน็อคอันนี้เอาไปหลอกประชาชนที่มีการเดินทางออกนอกบ้าน  ไม่น่าเชื่อว่าวิธีการนี้จะได้ผลดีเกินคาดเนื่องจากว่าหมวกกันน็อครูปทรงโควิด-19 นี้สร้างความหวาดกลัวให้กับประชาชนโดยเฉพาะเด็กๆเป็นอย่างมากทำให้ปริมาณประชาชนที่เดินทางออกนอกบ้านลดลงอย่างเห็นได้ชัดฝันว่า 

    สำหรับแนวความคิดนี้เป็นความคิดของสารวัตร  ราเจช   บาบู   ซึ่งเขาเป็นนายตำรวจที่คิดค้นและเป็นผู้สวมใส่หน้ากากนี่เองโดยเขาใส่หน้ากากนี้เที่ยวหลอกชาวบ้านที่เดินทางออกนอกบ้านแทบไม่ได้พักผ่อนซึ่งในขณะที่เขามีการนำหน้ากากนี้ออกไปหลอกชาวบ้านเขา

ก็ให้คำแนะนำและอธิบายถึงความน่ากลัวของเชื้อไวรัสชนิดนี้ให้กับชาวบ้านให้ฟังและไม่น่าเชื่อว่าวิธีการนี้ของสารวัตร  ส่งผลให้จำนวนชาวบ้านที่ได้รับข้อมูลข่าวสารจากทางสารพัดลดปริมาณการออกจากบ้านลงอย่างเห็นได้ชัด 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  bk8

คนเสี่ยงติดไวรัสกันเพียบจากสาวขอนแก่นที่ตรวจพบว่าติดโควิด-19

คนเสี่ยงติดไวรัสกันเพียบจากสาวขอนแก่นที่ตรวจพบว่าติดโควิด-19 หลังจากที่เธอเดินทางกลับจากสนามมวย

    แหล่งที่แพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรน่าได้มากอีกหลังหนึ่งนั่นก็คือสนามมวยซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีดาราและเซียนมวยเป็นจำนวนมากที่เดินทางไปเยี่ยมชมการชกมวยหลังจากนั้นกลับมาได้ไม่นานก็พบว่าตนเองติดเชื้อไวรัสโคโรน่าซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้สามารถทราบได้ว่ากลุ่มที่ติดเชื้อไวรัสโคโรน่านั้นไม่ได้มีแค่เพียง 4-5 คนอย่างที่เข้าใจในตอนแรกแต่ปัจจุบันมีการขยายอย่างกว้างขวาง

เนื่องจากว่าคนส่วนใหญ่ไม่ทราบว่าตัวเองมีเชื้อไวรัสโคโรน่าอยู่ในร่างกายจึงยังออกไปใช้ชีวิตประจำวันตามปกติอย่างเช่นสาวขอนแก่นคนหนึ่งที่เธอเองมีญาติอยู่ในค่ายมวยจึงได้เดินทางไปชมการชกมวยที่สนามมวยราชดำเนินซึ่งเป็นสนามเดียวกันกับดาราแมทธิวดีนและผลปรากฏว่าตัวเธอเองก็ติดไวรัสโคโรน่าเช่นเดียวกันซึ่งกว่าเธอจะรู้ตัวว่าเธอติดเชื้อไวรัสโคโรน่านั้นเธอก็ได้เดินทางไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆมากมายหลายที่ซึ่งจะมีการย้อนข้อมูลการท่องเที่ยวของเธอให้ประชาชนได้ทราบกันว่าเธอไปเที่ยวในช่วงเวลาไหนบ้าง

เพื่อที่ถ้าหากใครไปเที่ยวในช่วงเวลาเดียวกันกับเธอตามสถานที่ดังกล่าวนี้ทางรัฐบาลขอความร่วมมือให้มีการประสานงานแจ้งข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเพื่อที่จะได้ทำการกักตัวเองเพื่อตรวจสอบหาเชื้อโรคไวรัสโคโรน่าก่อนเนื่องจากว่ากลุ่มคนที่เดินทางไปยังสถานที่เดียวกันกับหญิงขอนแก่นก็คือคนในกลุ่มเสี่ยงที่จะติดเชื้อไวรัสโคโรน่านั่นเองเรามาดูกันว่าไทม์ไลน์ที่เธอไปนั้นมีที่ไหนกันบ้าง 

  สำหรับทางไทม์ไลน์ ก่อนหน้าที่จะพบว่าสาวขอนแก่นติดเชื้อไวรัสโคโรน่านั้นเดินทางไปโรงเหล้ามิตรภาพและเดินทางไปที่ตะวันแดงขอนแก่นไปตลาดหนองไผ่รอมและไปร้านหมูกระทะชิวๆ ซึ่งเราจะเห็นได้ว่าก่อนที่เธอจะรู้ตัวว่าเธอติดเชื้อไวรัสโคโรน่านั้นเธอเดินทางไปมาหลายที่มากและแต่ละที่ก็เป็นจุดที่มีประชาชนอยู่อย่างหนาแน่นอย่างเช่นร้านตะวันแดงขอนแก่นนั้นเธอไปเที่ยวที่นั่นถึง 3 ครั้งด้วยกัน

ซึ่งช่วงเวลาที่เธอเดินทางไปก็จะเป็นช่วงเวลาตั้งแต่เที่ยงคืนยันถึง 3:30 นและช่วงเวลาดังกล่าวจะเป็นช่วงเวลาที่นักท่องเที่ยวหนาแน่นรวมถึงจะดื่มเหล้ากันจนเมามายแล้วจึงทำให้เชื่อได้ว่าอาจจะมีหลายคนที่ได้รับการติดเชื้อมาจากสาวขอนแก่นคนดังกล่าวดังนั้นเพื่อการดูแลตัวเอง

ให้พ้นจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนาในช่วงเวลานี้ทางรัฐบาลจึงขอความร่วมมือทุกคนงดการเที่ยวสถานบันเทิงต่างๆรวมถึงถ้าหากรู้ว่าอยู่ใกล้กับคนที่มีกลุ่มเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัสแล้วก็ให้แจ้งกับทางเจ้าหน้าที่สาธารณสุขใกล้บ้านเสื้อทางเจ้าหน้าที่จะได้แนะนำวิธีการตรวจสอบตนเองและวิธีการดูแลตนเองใครทราบ

เพื่อนบ้านทะเลาะกันอีกฝ่ายเปิดกระโปรงโชว์ของลับ 

มาดูเหตุการณ์เพื่อนบ้านทะเลาะกันซึ่งมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นเป็นประจำบ่อยครั้ง ล่าสุดเกิดจากบ้านที่อยู่ติดกันบ้านหลังนึงเปิดเพลงเสียงดังทำให้บ้านฝั่งตรงข้ามเกิดความไม่พอใจจึงได้มีการอัดคลิปวีดีโอเก็บเอาไว้ แล้วคุณในขณะที่อัดคลิปอยู่นั้นบ้านที่เปิดเพลงเสียงดังได้ออกมาเห็นว่าฝั่งตรงข้ามมีการอัดคลิปไว้จึงเกิดความไม่พอใจและเกิดการทะเลาะกันขึ้น ทะเลาะกันได้สักพักต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันเข้าบ้านของตนเองแต่เข้าไปได้ไม่ถึง 10 นาทีบ้านที่เปิดเพลงเสียงดังก็เดินออกมาหน้าบ้านอีกครั้งหนึ่ง

เนื่องจากยังเห็นว่าบ้านฝ่ายตรงข้ามยังมีการแอบถ่ายบ้านของตนเองอยู่ดังนั้นจึงเกิดความไม่พอใจและเกิดการทักทายกันขึ้นซึ่งบ้านที่เปิดเพลงเสียงดังตะโกนถามว่าอยากถ่ายนักใช่ไหมเดี๋ยวจะเปิดกระโปรงให้หลังจากนั้นบ้านที่เปิดเพลงเสียงดังก็ตัดสินใจเปิดกระโปรงของตัวเองโชว์ของลับโดยที่ไม่ได้ใส่กางเกงในให้คนที่ถ่ายคลิปได้เห็นหลังที่คลิปดังกล่าวมีการเผยแพร่ออกไปก็ทำให้นักข่าวได้ลงเข้าไปดูพื้นที่ ซึ่งนักข่าวได้ไปคุยกับคุณปฐมพัฒน์ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านกับบ้านทั้งสองหลังโดยเขาได้เล่าว่าช่วงเวลาที่เกิดเหตุเป็นช่วงเวลา 8:30 น.

ซึ่งเป็นช่วงที่เขากำลังจะออกไปทำงานเขาเล่าว่าบ้านทั้งสองหลังเคยทะเลาะกันมาก่อนหน้านี้อยู่แล้วซึ่งวันดังกล่าวบ้านที่ถ่ายคลิปถ่ายไปเพราะว่า ร้านที่เปิดเพลงเสียงดังนำรถมาจอดหน้าบ้านแล้วเปิดประตูรถเปิดเพลงเสียงดังมากทำให้บ้านอีกหลังนึงไม่พอใจจึงได้มาถ่ายคลิปเอาไว้

ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้คุณปฐมพัฒน์แจ้งว่าตัวเองเห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบ เมื่อนักข่าวสอบถามว่าตามความคิดเห็นของนายปฐมพัฒน์แล้วใครผิดถามเพื่อนบ้านที่เป็นคนกลางก็บอกว่าก็ผิดทั้งคู่เพราะว่าฝั่งที่เปิดเพลงเสียงดังก็ทำเกินไปที่เปิดเพลงโดยไม่สนใจว่าบ้านอื่นจะรำคาญเสียงเพลงของตนเองเลย ในส่วนของบ้านที่ถ่ายคลิปเองก็มีความผิดที่ไปยั่วโมโหจนเขาตบะแตกต้องเปิดกระโปรงโชว์ของลับให้ดู

ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้คุณป้าที่โดนถ่ายคลิปที่เปิดกระโปรงโชว์ได้เดินทางไปร้องศูนย์ดำรงธรรมเพื่อทำการเอาผิดกลับบ้านที่ถ่ายคลิปเพราะเนื่องจากว่าเมื่อมีการถ่ายคลิปแล้วยังมีการนำไปโพสต์ลงในโซเชียลมีเดียทำให้ตนเองได้รับความอับอายเพราะคนทั่วประเทศเห็นตัวเองเปิดของลับกันทั้งประเทศแล้ว ซึ่งคุณป้าที่เปิดกระโปรงโชว์ของลับยืนยันว่าฝั่งที่ผิดคือฝั่งที่ถ่ายคลิปถ้าไม่ออกมาโวยวายตนเองก็ไม่ต้องมาเปิดกระโปรงโชว์และไม่ต้องไปเป็นที่อับอายของคนทั้งประเทศแบบนี้ยืนยันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด

ลูกสาวโต้คืน หลังตาวัย 80 ออกมาโวยลูกไม่ยอมเลี้ยงดู

ฟังความอีกด้าน ลูกสาวโต้คืน หลังตาวัย 80 ออกมาโวยลูกไม่ยอมเลี้ยงดูหลังมีการยกมรดกให้

     ก่อนหน้านี้ได้มีเหตุการณ์ที่เป็นข่าวดังออกมา ว่ามีพ่อคนหนึ่งได้ยกมรดกที่ดินให้กับลูก และหลังจากนั้นพอลูกได้มรดกที่ดินแล้วก็ไล่พอออกจากบ้านคนที่ได้ฟังข่าวต่างก็พากันสงสารคุณตาคนนี้กันมาก ต่างก็พากันออกมาต่อว่าลูกของคุณตาว่าแค่คนแก่คนเดียวทำไมไม่เลี้ยง

ทำไมลูกต้องทำกับพ่อแบบนี้ ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดมาจากที่คุณตาเดินทางไปที่ศูนย์ดำรงธรรมแล้วไปร้องเรียนว่าตนเองมีที่ดินหลายสิบไร่แต่ได้แบ่งยกเป็นมรดกให้กับลูกหมดแล้วซึ่งคุณตามีลูกทั้งหมด 6 คนและหลังจากยกมรดกให้ไปแล้วลูกทั้งหกคนก็ไม่มีใครดูแลคุณตาเลย

ทำให้คุณตาต้องไปสร้างกระต๊อบเล็กเล็กเป็นที่ซุกหัวนอนแล้วก็ต้องต่อน้ำต่อไฟมาจากบ้านของลูกส่วนสาเหตุที่ต้องมาร้องเรียนกับศูนย์ดำรงธรรมก็เพราะว่าตอนเองต้องการที่จะเข้าไปสูบน้ำเพื่อที่จะจับปลาในสระของตัวเอง ลูกก็ด่าก็ว่าและบอกว่าพ่อไม่มีสิทธิ์ทำให้คุณตาเลยต้องมาร้องกับศูนย์ดำรงธรรมและเมื่อข่าวนี้ออกไปคนก็พากันด่าลูกว่าแค่เรื่องสูบน้ำทำไมให้พ่อทำไม่ได้ และนักข่าวก็ได้ลงพื้นที่นักข่าวได้ลงไปเจอกับผู้ใหญ่บ้าน

ซึ่งทางผุ้ใหญ่บ้านบอกว่าเรื่องการทะเลาะกันของตากับลูกของตามีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจริงซึ่งทางผู้ใหญ่บ้านเองก็ลำบากใจเพราะต้องเป็นคนกลาง โดยตาต้องการสุบน้ำเพื่อจับปลา แต่ลูกไม่ให้สูบเพราะต้องเก็บน้ำเอาไว้ใช้กับไร่นา ตอนหน้าแล้ง ไม่งั้นน้ำหมดก็จะไม่มีน้ำใช้ และลูกสะไภ้ของตาได้ออกมาให้ข้อมูลกับนักข่าวว่า ที่ดินที่ตายกเป็นมรดกให้นั้นเป็นที่ดินของเมียคุณตาแล้วเมียของตาแบ่งให้ลูกทั้งสามคน 

และที่สำคัญไม่มีลูกคนไหนทิ้งตาเลย โดยที่คุณตาต้องไปอยู่ที่กระต๊อบเพราะคุณตาอยากไปเอง เพราะลูกลูกของตาทุกคน ต่างก็รวมเงินกันสร้างบ้านหลังใหญ่ให้คุณตาอยู่ โดยมีบ้านอยู่ริมน้ำ แต่คุณตาไม่ยอมไปอยู่เองและทุกวันนี้ลูกลูกก็ส่งเงินให้กับคุณตาใช้ เมื่อนักข่าวไปสัมภาษณ์คุณตา คุณตาก็ยังยืนยันว่าลูกไล่ออกจากบ้านซึ่งชาวบ้านที่อยู่ติดกับตาออกมาบอกว่าที่จริงแล้วลูกของตาดูแลตาดีกันทุกคน ที่ไม่อยากให้สูบน้ำเพราะกลัวตาเป็นลม ส่วนที่อยู่ตาไม่ยอมไปอยู่บ้านหลังใหญ่เอง ตาเป็นคนดื้อและเอาแต่ใจ อยู่กับใครไม่ได้ และลูกๆของตาก็กลัวว่าเงินที่ให้ตาไป ตาจะเอาไปให้ผู้หญิงคนอื่นหมด

จ่ายดอกไม่ทัน เจอประจานถึงทีทำงาน

สาวกู้เงินผ่าน Application จ่ายดอกไม่ทัน เจอประจานถึงทีทำงาน

       มีแถลงข่าวจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปอส. ว่าทางเจ้าหน้าที่ได้มีการเข้าไปจับกุมคนจีนและคนไทย ที่มาเปิดบริษัทอยู่แถวรัชดา ซึ่งทั้งสองคนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมมานี้ได้มีการเปิด Application ขื้นมาเป็น appที่เชื่อว่า BahtLoan เป็น appที่จะเปิดให้คนมากู้เงิน

ซึ่งในคดีนี้มีผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อว่า นางสาว จามจุรีย์ อายุ 22 ปีและนายหยูตันฮวนอายุ 27 ปี มาช่วยกันตั้งบริษัทเงินกู้แล้วสร้าง application ที่ชื่อว่า BahtLoan ขึ้นมาเพื่อให้คนที่มีปัญหาทางด้านการเงินเข้าไปกู้เงินผ่าน app นี้ ซึ่งลักษณะการใช้งานของ app นี้ก็คือ เราไปดาวน์โหดลแอ็ป BahtLoanมาแล้วก็เข้าใน app หลังจากนั้นก็กรอกข้อมูลการขอกู้เงิน แค่นี้ก็จะได้เงินมาใช้แล้ว ซึ่งจะอนุมัติง่ายกว่าการกู้กับธนาคารมาก แต่ app นี้โหดกว่าธนาคารมาก ตรงที่ หากคนกู้มีการขอกู้เงินกู้ไปเท่าไหร่

ทางผู้กู้จะถูกหักเงินก่อน 50 % หรือครึ่งหนึ่งของเงินที่กู้เลยทันที และจะมีการระบุวันจ่ายดอกเบี้ยเอาไว้ใน app ว่าจะต้องจ่ายวันไหน และจ่ายเท่าไหร่  ซึ่งคดีนี้เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถตามจับกุมคนร้ายได้ มีผู้เสียหายเดินทางมาให้ปากคำกับเจ้าหน้าทีตำรวจถึง 50 คน ซึ่งภายหลังที่เจ้าหน้าที่จับกุมคนร้ายได้แล้วและไปที่บริษัท ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ไปพบกับพนักงานของบริษัทแห่งนี้กำลังนั่งทำงานกันอยู่มีทั้งหมดเกือบ 50 คนซึ่งทำหน้าที่เป็น call center ตามทวงหนี้

โดยพนักงานเหล่านี้จะมีการส่งข้อความการทวงหนี้เข้าไปที่มือถือของเพื่อนและทีโทรเข้าไปที่ทำงานของคนที่กู้เงิน ซึ่งข้อมูลเบอร์โทรที่บริษัทนี้ได้มานั้นมาจากตอนที่คนกู้กรอกรายละเอียดจะมีข้อความขอเข้าถึงข้อมูลทางโทรศัพท์ซึ่งนี่เองจะเป็นการเปิดโอกาสให้พวกมิจฉาชีพสามารถหาข้อมุลการโทรออก รับสายของคนกู้ได้ และหากเราไม่จ่ายหนี้พนักงาน call center เหล่านี้จะมีการส่งข้อความไปประจานที่เบอร์มือถือของเพื่อนของคนที่กู้ ประมาณว่าเพื่อนคนนี้ของกู้มีการกู้เงินและไม่ยอมจ่ายดอกเบี้ย

ทำให้ตอนนี้เขากำลังจะโดนฟ้องฝากให้ไปบอกเพื่อนของคุณด้วย ปัจจุบันมีคนเสียหายมากกว่า 50 คนและมีหญิงสาวคนหนึ่งที่เป็นผู้ที่เคยใช้ app นี้ได้ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวว่า ตนเองได้หลงเข้าไปกู้เงินกับ app ดังกล่าวและมีการผิดนัด โดยชำระช้าเกินไป1 วัน ทำให้ถูกคิดค่าจ่ายเงินช้า 300 บาทและยังต้องเสียเงินค่าติดตามทวงหนี้อีก 900 บาทและถ้ายังไม่จ่ายทางบริษัทเงินกู้จะมีการประจานไปที่เพื่อนและบริษัท จนในที่สุดทางบริษัทที่หญิงสาวคนที่ทำงานอยู่ก็เรียกเธอไปตำหนิจนทำให้เธอต้องลาออก 

ลูกจ้างเนรคุณแทงนายจ้างแก่ไป 10 กว่าแผล

ลูกจ้างเนรคุณ แทงนายจ้างแก่ไป 10 กว่าแผล เพียงค่าโดนต่อว่าเรื่องเบิ้ลรถเสียงดัง

    ที่จังหวัดสตุลได้มมีเหตุการณ์คนแก่ อายุประมาณ 71 ปีได้ถูกคนร้ายซึ่งเป็นลูกจ้างวัยเพียง 22 ปีโดยคนร้ายเอาอาวุธมีแทงชายแก่คนดังกล่าวที่มีฐานะเป็นนายจ้างไปจำนวน 10 กว่าแผลทำให้ชายแก่คนดังกล่าวเสียชีวิต ซึ่งเหตุเกิดภายในสวนปาร์มของคนที่เสียชีวิต ซึ่งเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งศพไปตรวจพบว่าคนร้ายได้ใช้มีดแทงทั้งคอและหลังมากกว่า 10 จุดหลังจากแทงคนแก่ตายแล้วคนร้ายยังกลับไปนอนยังที่พักของตนเองได้หน้าตาเฉย

ซึ่งภายหลังที่มีคนพบศพชายแก่ เจ้าหน้าทีตำรวจก็ไปตามจับตัวคนร้ายได้ หลังจากจับกุมได้แล้วคนร้ายได้รับสารภาพและเล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า ตนเองทำงานเป็นลูกจ้างของผู้ตาย และเมื่อพี่ชายของตนมาหา หลังจากผู้ตายรู้ว่าพี่ชายของตนตกงานก็รับมาเป็นลูกจ้างด้วย ซึ่งทางคนร้ายแจ้งว่าที่ลงมือก่อเหตุเพราะคนตายมักจะชอบมาต่อว่าตนเอง เรื่องที่ตนเองเวลาขับรถเข้ามาทำงานในสวนปาร์มมักจะทำการเบิ้ลรถมอร์เตอร์ไซส์เสียงดัง และมีควันออกมาจากท่อไอเสีย

ซึ่งคนตายมักจะต่อว่าคนก่อเหตุเรื่องนี้อยู่บ่อยบ่อย และในวันเกิดเหตุคนร้ายก็ขับรถเข้ามาทำงานที่สวนปาร์มปกติแต่ระหว่างที่ขับรถเข้ามานั้น คนร้ายก็เหตุคนตายยืนอยู่ข้างทางและกวักมือเรียกคนร้ายให้เข้าไปหาซึ่งพอคนร้ายจอดรถแล้วก็เดินเข้าไปหาคนตาย และถามนายจ้างว่ามีอะไร ซึ่งคนร้ายบอกว่าคนตายได้เรียกเขาเข้าไปต่อว่าด้วยถ้อยคำหยาบคายเรื่องที่เขาเบิ้ลเครื่องเข้ามาในสวนและสั่งให้เขาขับรถให้ช้าช้าหน่อย

เมื่อด่าเสร็จคนตายก็หันหลังเดินจากไป แต่ตัวเองโมโห จึงได้เอามีดที่พกติดตัวมาแทงผู้ตายจากทางด้านหลังทั้งที่คอและที่หลังไปจำนวน 10 กว่าจุด และหลังจากแทงเสร็จแล้วก็ขับรถหลบหนี จนเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตามจับกุมได้ในที่สุด  ซึ่งเมื่อถูกจับกุมไปแล้วได้มีการให้สัมภาษณ์กับนักข่าวว่าอันที่จริงแล้วนายจ้างเป็นคนดี และช่วยเหลือตัวเองมาตลอด

และเมื่อนักข่าวไปสัมภาษณ์ชาวบ้านใกล้ใกล้ต่างก็พากันโกรธแค้นคนร้ายมาก เพราะชาวบ้านหลายคนต่างออกมายืนยันว่าคนตายเป็นคนดี คอยช่วยเหลือชาวบ้านและทุกคนแถวบ้านตลอด ทุกคนรักคนตายกันมาก และไม่เชื่อว่าคนตายจะด่าคนร้ายด้วยถ้อยคำหยาบคาย เพราะตั้งแต่รู้จักกันมาพวกชาวบ้านไม่เคยได้ยินคนตายเคยด่าใครเลยสักครั้งเดียว