มารยาททางสังคมในการจอดรถในที่สาธารณะ

       กำลังเป็นเรื่องที่กำลังพูดถึงกันเป็นอย่างมากเกี่ยวกับที่ชายหนุ่มคนหนึ่งได้มีการโพสต์ Facebook เราถึงเหตุการณ์ที่เขานั้นไปทำธุระที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งซึ่งเขาจะต้องวนหาที่จอดรถโดยห้างดังกล่าวนั้นเป็นห้างที่คนข้างหาที่จอดรถยากเมื่อวน รถมาถึงชั้นที่ต้องการจะจอดปรากฏว่าเห็นช่องไฟกระพริบเป็นสีเขียว

ซึ่งเข้าใจว่าช่องนั้นว่างจึงได้ขับรถมาตั้งใจที่จะมาจอดแต่เมื่อมาถึงก็พบว่ามีรถคันหนึ่งซึ่งเป็นคันสีขาวจอดคร่อม 2 ช่องเอาไว้จึงได้ถ่ายคลิปเอาไว้เพื่อที่จะเอามาแชร์ให้กับคนในโลกออนไลน์ได้เห็นซึ่งเขาระบุว่าเขาไม่เคยเห็นใครที่จะจอดรถแบบนี้มาก่อนโดยรถที่มีการจอดอยู่นั้นเป็นลักษณะของการจอดแบบไม่เรียบร้อยมีการจอดรถแบบแนวทะแยงทำให้ต้องเสียต้องในการจอดรถถึง 2 ช่องด้วยกันอย่างไรก็ตามเมื่อคนในโลกออนไลน์ได้เห็นภาพดังกล่าวต่างก็มีพากย์วิจารณ์กันเป็นอย่างมาก

โดยมองว่าคนที่ขับรถคันสีขาวนั้นเป็นคนที่ไม่มีมารยาทไม่นึกถึงคนอื่นว่าจะหาที่จอดรถลำบากซึ่ง Facebook ดังกล่าวนั้นได้ถูกมีการแชร์เป็นวงกว้างมากกว่า 3,000 แล้วอย่างไรก็ตามเหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้นนั้นเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 12 เดือนมิถุนายนปีพศ2563 แต่เจ้าของ Facebook นั้นไม่ได้ระบุว่าเกิดขึ้นที่ห้างสรรพสินค้าที่ไหนและจังหวัดอะไร

          สำหรับปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของการหาที่จอดรถในห้างสรรพสินค้านั้นปกติแล้วเรามักจะพบปัญหาเรื่องของการจอดรถหายากหรือบางครั้งสามารถจอดรถได้แล้วก็จะมีปัญหาอีกเกี่ยวกับเรื่องของการที่ถูกคนอื่นจอดรถขวางแล้วดึงเบรคมึงเอาไว้ซึ่งครั้งนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่สร้างปัญหาให้กับคนใช้รถได้เหมือนกัน

เพราะว่าแทนที่จะมีช่องให้สามารถจอดรถได้เพิ่มก็กลับมาเจอคนที่มักง่ายเอาความสะดวกของตนเองเป็นหลักซึ่งจริงๆแล้วตามมารยาทถ้าเห็นว่ารถตนเองนั้นจอดรถไว้ตรงกับช่องก็ควรจะมีการถอยรถให้ตรงให้เรียบร้อยเพื่อที่คนอื่นนั้นจะได้จอดอีกช่องหนึ่งได้

ซึ่งการตอบแบบนี้นั้นสร้างความลำบากให้กับคนอื่นมากซึ่งข่าวในวันนี้น่าจะเป็นอุทาหรณ์ให้กับคนที่จอดรถแบบมักง่ายได้เป็นอย่างดีว่าควรจะมีการจอดรถให้เรียบร้อยไม่เช่นนั้นจะถูกนำมาประจานแบบนี้ ยังไงก็ตามยังไม่ได้มีการออกมาพูดถึงว่าเจ้าของรถนั้นเมื่อไม่เห็นข่าวดังกล่าวแล้วไม่ออกมาแก้ตัวอย่างไรบ้างซึ่งการจอดรถแบบนี้ถือว่าเป็นปัญหาของสังคมแบบหนึ่งเช่นเดียวกันเพราะถ้าหากไปเจอคนหัวร้อนด้วยกันก็อาจจะทำให้เกิดการทะเลาะวิวาทกันได้

 

สนับสนุนโดย  sagame

ชาวพม่าน้ำใจงามช่วยเหลือคนรถเสียแต่กลับถูกขโมยรถไปหน้าตาเฉย

         ชาวพม่าเล่าเหตุการณ์เกิดขึ้นที่บางแสนเมื่อมาเติมน้ำมันแล้วเห็นวัยรุ่นสตาร์ทรถไม่ติดจึงได้อาสาที่จะไปส่งที่บ้านด้วยการถีบรถไปส่งก่อนที่จะมีการสลับรถกันเพราะตนเองนั้นจีบไม่ไหวซึ่งหลังจากขับรถไปได้ไม่นานวัยรุ่นคนดังกล่าวก็ขับรถของเขาหนีไปต่อหน้าต่อตา  สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 เดือนมิถุนายนปีพศ2563

โดยเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นที่จังหวัดชลบุรีซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากชายชาวพม่าคนหนึ่งให้มาช่วยตรงบริเวณที่เกิดเหตุตรงถนนสุขุมวิทอยู่ใกล้ๆกับตลาดนัดจตุจักรเมื่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางไปถึงก็พบกับชายพม่าชื่อว่านายออมกำลังยืนรอเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมกับรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่ง

ซึ่งมีสภาพเก่าทรุดโทรมเขาให้ข้อมูลเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าเขาเป็นพนักงานที่ทำงานโรงงานแห่งหนึ่งอยู่ในจังหวัดชลบุรีอำเภอศรีราชาเขาได้ขี่มอเตอร์ไซค์มาเที่ยวที่ชายหาดบางแสนแต่เนื่องจากว่าเที่ยวเพลินจึงเลยเวลาเคอร์ฟิวกลับบ้านไม่ทันเขาจึงได้ตัดสินใจนอนพักตรงบริเวณชายหาดหลังจากนั้นพอช่วงเวลาประมาณ 3:00 น

จึงได้ขับมอเตอร์ไซค์จะกลับบ้านแต่ระหว่างทางที่เขากำลังเดินทางกลับนั้นเขาได้แวะเติมน้ำมันซึ่งตอนที่เขาเติมน้ำมันนั้นเขาเห็นวัยรุ่นคนหนึ่งกำลังเติมน้ำมันเหมือนกันแต่ว่าหลังจากเติมน้ำมันเสร็จแล้ววัยรุ่นคนดังกล่าวสตาร์ทรถไม่ติดด้วยความตั้งใจดีอยากจะช่วยเหลือจึงได้เดินเข้าไปบอกว่าจะไปส่ง

โดยจะใช้เป็นการขี่รถมอเตอร์ไซค์ไปส่งให้แต่เนื่องจากว่าในอ้อมนั้นมีอาการบาดเจ็บที่ขาจึงได้มีการสลับลดให้วัยรุ่นนั้นเป็นคนขี่มอเตอร์ไซค์ของตนเองแล้วถีบรถแผนที่เสียโดยนัยออมเป็นคนขี่ปกครองรถคันที่เสียให้ซึ่งทั้งคู่นั้นก็ขับมุ่งหน้าไปทางบางแสนยังไงก็ตามพอไปถึงจุดที่เป็นถนนเปียกๆและเป็นที่มืดอยู่ๆวัยรุ่นคนดังกล่าวนั้นก็ปล่อยรถคันที่เสียทันทีและขับรถมอเตอร์ไซค์ของตนเองนั้นออกไปหน้าตาเฉยทำให้เขาต้องโทรแจ้งขอความช่วยเหลือกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ 

      อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีตรวจสอบกล้องวงจรปิดตั้งแต่ปั๊มน้ำมันและบริเวณทางออกไปตามถนนต่างๆเพื่อจะดูว่าคนร้ายนั้นขับรถไปทางไหนเพื่อจะได้ติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป

สำหรับเรื่องนี้นั้นจะเป็นอุทาหรณ์ให้ใครหลายๆคนที่คิดอยากจะเป็นคนดีอยากจะช่วยเหลือคนอื่นก็ต้องพิจารณาด้วยว่าคนคนนั้นดูมีความน่าเชื่อถือและน่าช่วยเหลือมากแค่ไหนเพราะบางครั้งการที่เราต้องการช่วยเหลือคนอื่นก็อาจจะเป็นหลุมพรางที่ทำให้คนอื่นนั้นทำร้ายเราได้อย่างเช่นใช้ชาวพม่าคนนี้ที่หวังดีอยากจะเป็นพลเมืองดีแต่กลับถูกคนที่เราต้องการเข้าไปช่วยนั้นขโมยรถหนีไป

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  เว็บพนัน สล็อต

สุดสะเทือนใจเมื่อเด็กสาววัย 14 ปีจุดไฟเผาตัวเองยังเพราะที่บ้านไม่มีอินเตอร์เน็ต 

         เหตุการณ์ที่เกิดความสะเทือนใจให้กับหลายคนที่ได้ทราบข่าวนี้เกิดขึ้นกับเด็กสาววัย 14 ปีซึ่งเธอเป็นคนประเทศอินเดียโดยข้อมูลที่มีการรายงานข่าวออกมานี้เกิดขึ้นเนื่องจากว่าเด็กสาวอายุ 14 ปีคนดังกล่าวนั้นเกิดอาการน้อยใจในโชคชะตาชีวิตของตนเองมีครอบครัวของเธอนั้นมีฐานะยากจนที่บ้านนั้นไม่มีอินเทอร์เน็ตที่จะใช้ไม่มีคอมพิวเตอร์รวมถึงไม่มีโทรศัพท์มือถือเหมือนกับเพื่อนคนอื่นๆที่สำคัญในขณะที่เธอนั้นตั้งใจที่จะเรียนหนังสือผ่านระบบออนไลน์ที่ถ่ายทอดทางทีวีเธอกลับ

พบว่าทีวีของที่บ้านเธอก็ดันมาเสียอีกทำให้เธอรู้สึกกดดันกับชะตาชีวิตของตนเองที่ไม่เหมือนกับเพื่อนหลายๆคนจนในท้ายที่สุดแล้วเด็กสาวอายุ 14 ปีจึงได้ตัดสินใจที่จะจบชีวิตตนเองเพื่อหลีกหนีปัญหาความไม่เท่าเทียมกันในสังคมเธอตัดสินใจจุดไฟเผาตนเองเพื่อหวังฆ่าตัวตายและในที่สุดนั้นก็มีคนมาพบศพของเธอนอนเสียชีวิตอยู่ใกล้กับบ้านพักของเธอเองด้วยอาการถูกไฟเผาคลอกจนตายสำหรับครอบครัวของเธอนั้นต่างก็พากันเสียใจเป็นอย่างมากโดยเฉพาะพ่อของเธอซึ่งได้พูดถึงเรื่องดังกล่าว

กับทางสำนักข่าวว่ารู้สึกว่าความจนของเขาเป็นปัญหาเขาไม่มีเงินมากพอที่จะซื้อความสุขทางกายให้กับลูกได้เขาไม่มีเงินซื้อโทรศัพท์มือถือแบบสมาร์ทโฟนให้กับลูกเขาไม่มีเงินที่จะซื้ออินเตอร์เน็ตและคอมพิวเตอร์ให้กับรูปและที่สำคัญเขายังไม่มีเงินที่จะไปซ่อมทีวีให้กับลูก

ซึ่งเขารู้สึกว่าเขาเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นมากแต่อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่เข้าใจกับการตัดสินใจของลูกเขาในครั้งนี้ว่าเพียงแค่เรื่องแค่นี้ทำไมเด็กสาววัย 14 ปีถึงได้ตัดสินใจแบบนี้เพราะมันยังมีทางเลือกอื่นที่เด็กสาววัย 14 ปีสามารถเลือกได้เช่นการไปดูทีวีที่บ้านของเพื่อนซึ่งนอกจากที่จะได้เรียนกับเพื่อนๆและสนุกสนานด้วยกันแล้วพวกเขายังสามารถที่จะช่วยเหลือในการการทำการบ้านร่วมกันได้อีกด้วยซึ่งพ่อของเขามองว่าวิธีการนี้เป็นวิธีการหาทางออกที่ดีมากกว่าการที่จะมาฆ่าตัวตาย

สำหรับประเทศอินเดียแล้วประชาชนส่วนใหญ่นั้นมีฐานะยากจนและมักจะมีอาชีพในการทำงานที่เป็นการรับจ้างทั่วไปส่งผลในเรื่องของการหาซื้อข้าวของเครื่องใช้ที่เป็นของฟุ่มเฟือยนั้นค่อนข้างที่จะหาซื้อยากส่งผลให้เด็กหลายๆคนนั้นอาจจะรู้สึกถึงการไม่เท่าเทียมกันของในสังคมพวกเธออาจจะรู้สึกอับอายเพื่อนที่ไม่มีเหมือนกับเพื่อนเพราะประเทศอินเดีย

ในขณะนี้นั้นถึงแม้ว่าบางโรงเรียนจะเปิดการเรียนการสอนตามปกติแล้วแต่โรงเรียนส่วนใหญ่นั้นยังเปิดให้นักเรียนเรียนออนไลน์อยู่ดังนั้นเด็กหลายคนที่ไม่มีโอกาสได้เรียนออนไลน์เนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจครอบครัวที่บ้านก็อาจจะทำให้พวกเขานั้น คิดทำอะไรชั่ววูบได้เหมือนกันดังนั้นปัญหานี้ทางรัฐบาลควรจะต้องนำมาขบคิดถึงวิธีการแก้ไขปัญหาว่าจะสามารถช่วยเหลือประชาชนของเขาอย่างไรได้บ้างเพื่อไม่ให้เกิดกรณีแบบนี้ขึ้นอีก

 

สนับสนุนโดย  เว็บพนัน

ประกาศออกมาจากประเทศฝรั่งเศส

ประกาศออกมาจากประเทศฝรั่งเศสว่าตอนนี้สามารถควบคุมการระบาดของไวรัสโคโรนาได้แล้ว

          จากการที่หลายประเทศทั่วโลกในตอนนี้กำลังประสบปัญหาการถูกไวรัสโคโรน่าโจมตีคนในประเทศซึ่งผลกระทบที่ตามมานั้นไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจและสังคมต่างก็ได้รับผลกระทบทั้งหมดจํานวนผู้ติดเชื้อของคนในแต่ละประเทศนั้นมีเพิ่มสูงขึ้นและมีการเสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโคโรน่าด้วยอย่างไร

ก็ตามแต่ละประเทศนั้นก็มีมาตรการการดูแลประชาชนของตนเองเพื่อเป็นการควบคุมไม่ให้โรคระบาดนั้นมีการแพร่ให้มากซึ่งหนึ่งในประเทศที่มีการออกมาประกาศเรื่องของการควบคุมไวรัสโคโรนาได้นั้นก็คือประเทศฝรั่งเศสโดยตอนนี้ทางการได้มีประกาศออกมาเกี่ยวกับเรื่องของการคลายล็อกดาวน์เรียบร้อยแล้ว

ประชาชนของประเทศฝรั่งเศสสามารถออกมาทำกิจกรรมหรือทำงานได้ตามปกติผู้คนสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวรวมถึงเดินทางไปโรงเรียนได้เหมือนเดิมอย่างไรก็ตามจากรายงานสถิติของผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนาของประเทศฝรั่งเศสนั้นมียอดผู้เสียชีวิตเกือบ 30,000 เลยทีเดียว

นับตั้งแต่เริ่มมีการระบาดในประเทศฝรั่งเศสมาแต่อย่างไรก็ตามปัจจุบันนี้ยอดผู้ติดเชื้อของประเทศฝรั่งเศสนั้นได้ถูกควบคุมและจำกัดให้มียอดลดลงอย่างต่อเนื่องซึ่งในที่สุดนั้นทางด้านกระทรวงสาธารณสุขก็ได้ออกมาพูดถึงเรื่องของผู้ที่ติดเชื้อว่าตอนนี้ยอดจำนวนผู้ติดเชื้อนั้นลดลงอย่างมากและมีข้อมูลคนที่ตายจากการติดเชื้อลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัดโดยในอาทิตย์ที่ผ่านมานั้นมีคนตายเพราะติดเชื้อแค่เพียง 44 คนเท่านั้น

ซึ่งจำนวนคนที่ติดเชื้อลดน้อยลงนี้เองทำให้รัฐบาลฝรั่งเศสนั้นได้อนุญาตให้ร้านต่างๆไม่ว่าจะเป็นร้านหนังสือร้านขายเสื้อผ้าหรือแม้แต่ร้านตัดผมร้านขายดอกไม้สามารถที่จะเปิดกิจการได้ตามปกติแล้วเพราะต้องการที่จะกระตุ้นสถานภาพทางเศรษฐกิจซึ่งตอนนี้แต่ละประเทศนั้นหลังจากที่มีการระบาดของไวรัสโคโรนา

และแต่ละประเทศนั้นได้มีการปิด lock Down ประเทศทำให้เศรษฐกิจของแต่ละประเทศนั้นได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก แต่อย่างใดก็ตามในท้ายที่สุดแล้วสำหรับประเทศฝรั่งเศสเองนั้นได้มีการคลายล็อคทั้งหมดแล้วเมื่อวันที่ 2 มิถุนายนปี 2563 ที่ผ่านมาซึ่งไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยวการไปเที่ยวที่โรงละคร

หรือแม้แต่การว่ายน้ำหรือเที่ยวตามจุดต่างๆนักท่องเที่ยวสามารถเช่าได้หมดแล้วและก็จะมีการประกาศให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางเข้าไปเที่ยวที่ประเทศฝรั่งเศสได้แล้วเช่นเดียวกันทั้งนี้ประเทศฝรั่งเศสออกมายืนยันแล้วว่าพวกเขาสามารถที่จะควบคุมการระบาดของไวรัสโคโรนาได้แล้ว

ดังนั้นประชาชนของพวกเขานั้นจึงจะสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติแล้วนั่นเองแต่อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าจะมีการสามารถควบคุมการระบาดของไวรัสได้แต่ทุกคนในประเทศก็ยังจะต้องมีการรักษาความสะอาดรวมถึงสวมใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันการติดเชื้อโรคกลับมาใหม่นั่นเอง

 

สนับสนุนโดย  เว็บพนันออนไลน์

ประเทศอิตาลีและเยอรมนีต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ

ประเทศอิตาลีและเยอรมนีต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้ตอนนี้เปิดรับนักท่องเที่ยวแล้ว

          มีรายงานข่าวเข้ามาว่าประเทศอิตาลีจะเป็นประเทศแรกในกลุ่มประเทศยุโรปที่จะมีการเปิดพรมแดนให้กับชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวที่ประเทศอิตาลีรวมถึงประเทศอิตาลีนั้นจะมีการยกเลิกเงื่อนไขเกี่ยวกับเรื่องของการกักตัวนักท่องเที่ยว 14 วันออกไปสำหรับประเทศเยอรมันเองก็เช่นเดียวกันตอนนี้ได้มีการประกาศออกมาแล้วว่าจะอนุญาตเปิดพรมแดน

และให้สมาชิกสหภาพยุโรปรวมถึงกลุ่มเชงสามารถเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวที่ประเทศเยอรมนีได้ทั้งนี้เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจของโลกนั้นกำลังอยู่ในสภาวะขาลงทำให้หลายประเทศถึงแม้ว่าการระบาดของไวรัสโคโรน่าจะยังไม่สามารถควบคุมได้แต่ก็จำเป็นที่จะต้องมีการเปิดประเทศ

เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวให้ไปท่องเที่ยวในต่างประเทศโดยหวังจะสร้างเม็ดเงินจากการท่องเที่ยวทำให้สภาวะเศรษฐกิจของประเทศนั้นๆที่กำลังซบเซาอยู่ดีขึ้นหนึ่งในนั้นก็คือประเทศอิตาลีและประเทศเยอรมันนั่นเองมีรายงานข่าวเข้ามาว่าอิตาลีนั้นจะยกเลิกการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว

ที่จะเข้ามาเที่ยวที่ประเทศอิตาลีแล้วซึ่งจะเปิดให้นักท่องเที่ยวนั้นสามารถเดินทางมาเที่ยวที่อิตาลีได้ประมาณวันที่ 15 มิถุนายนปีพศ 2563 นี้หลังจากที่ประเทศอิตาลีนั้นได้มีการปิดล็อคประเทศไม่ให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศมานานหลายเดือนอย่างไรก็ดีมีการรายงานข่าวเข้ามาว่าเมื่อช่วงประมาณวันที่ 2 มิถุนายนที่ผ่านมานี้

สนามบินของกรุงโรมได้มีการเปิดทำการรับคนต่างประเทศเข้ามาบ้างแล้วแต่ว่าสถิติการติดต่อเดินทางในการเข้าประเทศอิตาลีนั้นค่อนข้างน้อยมากเมื่อเปรียบเทียบกับที่อื่นที่ผ่านมาซึ่งในวันดังกล่าวถือว่าเป็นวันหยุดแต่ก็มีคนเดินทางเข้ามาเพียงแค่จำนวนคนเท่านั้นในขณะที่ปีก่อนก่อนนั้น

มีเข้ามาเป็นแสนคนเลยทีเดียวอย่างไรก็ตามทางอินเทอร์เน็ตเองก็จะมีการเข้มงวดเรื่องของผู้ที่จะเข้ามาในประเทศเช่นเดียวกันเพราะจะมองว่าหากประเทศไหนที่ยังคงมีการระบาดของไวรัสโคโรน่าเยอะอยู่โดยจะมีการเทียบอัตราจำนวนประชากร ของประเทศนั้นนั้น โดยจำนวนประชากรหนึ่งแสนคน หากมีคนติดไววัส 50 คนก็จะมีการประกาศห้ามประเทศนั้นเดินทางเข้าประเทศอิตาลีทันที 

แล้วถ้าหากการเปิดประเทศนี้กลับมาทำให้ประเทศอิตาลีนั้นมีจำนวนผู้ติดเชื้อมากขึ้นกว่าเดิมก็อาจจะมีการพิจารณาปิดการท่องเที่ยวอีกครั้งหนึ่งแต่อย่างไรก็ตามตอนนี้ทางนายกของอิตาลีเองก็เห็นว่าตอนนี้สมควรอย่างยิ่งที่จะมีการออกมาเปิดให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเที่ยวเพื่อที่จะกินของประเทศนั้นจะได้ดีขึ้นเนื่องจากเคยเห็นแล้วว่าหลายประเทศนั้นก็เริ่มมีการเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไปเที่ยวต่างประเทศกันได้แล้ว

 

สนับสนุนโดย  bk8

คดีแม่ใช้ไขควงแทงคอลูกสาวเสียชีวิตตำรวจยืนยันกับไม่ผิดตัว

              จากกรณีที่มีคดีหญิงสาวคนหนึ่งอายุ 29 ปีถูกคนร้ายเข้ามาชิงทรัพย์ในบ้านและใช้ไขควงแทงไปที่ลำคอและลำตัวของหญิงสาวคนดังกล่าวจำนวน 4 แผลด้วยกันทำให้หญิงสาวคนดังกล่าวนั้นเสียชีวิตภายในบ้านพักของตนเองซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นได้มีการตรวจสอบแล้วพบว่าผู้ที่ก่อเหตุฆ่าหญิงสาวคนดังกล่าวนั้นน่าจะเป็นแม่ของเธอเองโดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการจับกุมแม่ของผู้เสียชีวิตนั้นไปทำการสอบสวน

ซึ่งก่อนหน้านั้นทางญาติของผู้เสียชีวิตที่เป็นญาติพี่น้องของแม่ของผู้เสียชีวิตรวมถึงชาวบ้านต่างก็ไม่มีใครพากันเชื่อว่าแม่ของผู้เสียชีวิตนั้นจะเป็นคนฆ่าลูกของตนเองเพราะถึงแม้ว่าแม่ลูกคู่นี้จะมีการทะเลาะกันอยู่บ่อยครั้งแต่ก็ไม่น่าจะถึงกับที่จะต้องฆ่าแกงลูกตัวเองอย่างแน่นอน

ซึ่งในที่สุดแล้ว ผู้ต้องสงสัย นั่นก็คือนางประทีปได้มีการประกันตัวเองออกไปเพื่อต่อสู้คดีและเมื่อเธอมีการประกันตัวออกมาเสร็จเรียบร้อยแล้วเธอก็มีการร้องผ่านสื่อมวลชนขอความเป็นธรรมว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นจับผิดตัวตัวตัวเองยืนยันได้ว่าเธอไม่ได้มีการฆ่าลูกสาวของเธออย่างแน่นอนซึ่งภายหลังจากที่มีข่าวเรื่องใหญ่โตเกี่ยวกับเรื่องที่นางประธีปออกมาเรียกร้อง

ขอความเป็นธรรมให้กับตนเองนั้นทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้มีการนำหลักฐาน ออกมาแสดงให้กับสื่อมวลชนและคนอื่นๆดูถึงเป็นเหตุที่ต่างประเทศนั้นฆ่าลูกสาวของตนเองโดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถหาหลักฐานและมัดตัวนางประธีปได้อย่างแน่นอนไม่ได้มีการจับแพะแต่อย่างใด โดยปมเหตุที่นางประทีปต้องลงมือฆ่าลูกสาวของตนเองนั้นเกิดมาจากเรื่องของการทะเลาะวิวาทกัน 2 เรื่อง

โดยเริ่มแรกนั้นเกี่ยวกับเงินที่ระบุว่ามีเงินหายไปจำนวน 2,000 บาทส่วนเรื่องที่ 2 นั้นเป็นเรื่องของมรดกซึ่งลูกสาวของนางประธีปนั้นได้รับมรดกมาจากพ่อ โดยได้รับมรดกเป็นที่ดินซึ่งนางประทีปนั้นต้องการที่จะให้ลูกสาวขายที่ดินดังกล่าวเพื่อเอาเงินมาใช้แต่ทางด้านลูกสาวของนางประทีปนั้นปฏิเสธ

ที่จะขายที่ดินดังกล่าวเซ็นให้ทั้งคู่มักจะทะเลาะกันเรื่องนี้อยู่เป็นประจำและในที่สุดวันเกิดเหตุทั้งคู่ก็ทะเลาะกันเรื่องสองเรื่องนี้อีกครั้งหนึ่งจนทำให้นางประทีปเกิดความไม่พอใจและครั้งมือใช้ไขควงแทงคอของลูกสาวจนถึงแก่ความตายหลังจากนั้นนางประทีปก็ได้มีการจัดฉากเหมือนกับว่ามีขโมยเข้ามาในบ้านและทำต้นทรัพย์สินไปและทำเหมือนว่าลูกสาวนั้นมาเจอกับขโมยพอดีทำให้ขโมยนั้นลงมือก่อเหตุฆ่าลูกสาวของเขา

 

สนับสนุนโดย  bk8

แม่ค้ากาแฟเครียดหนักเพราะขายของไม่ดี

แม่ค้ากาแฟเครียดหนักเพราะขายของไม่ดี ไม่มีเงินใช้หนี้ ถูกทวงหนี้จนอยากฆ่าตัวตายปีนป้ายเหล็กหวังจบชีวิตตัวเอง

          เมื่อเวลาประมาณ 6:00 นของวันที่ 2 เดือนมิถุนายนปีพศ 2563 ที่บริเวณหน้าสถานีขนส่งหมอชิตใหม่ได้มีเหตุการณ์ระทึกขวัญเกิดขึ้นเมื่อมีแม่ค้าขายกาแฟสูงอายุคนหนึ่งทำการปีนขึ้นไปบนโครงเหล็กซึ่งเป็นป้ายบอกทางหวังที่จะกระโดดลงมาฆ่าตัวตายสร้างความตกใจให้กับประชาชนที่ไปใช้บริการตรงบริเวณสถานีหมอชิตกัน

เป็นจำนวนมากทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุว่าพบเห็นสาวใหญ่คนหนึ่งมีอาการร้องไห้ฟูมฟายและกำลังปีนขึ้นไปบนโครงเหล็กป้ายบอกทางซึ่งคนที่เหตุการณ์คาดว่าสาวใหญ่คนดังกล่าวนั้นหวังจะเป็นขึ้นไปแล้วกระโดดลงมาฆ่าตัวตายซึ่งระหว่างที่ปีนั้นเธอก็ยังคงร้องไห้อยู่ตลอดเวลาด้วยโครงเหล็กดังกล่าวนั้นมีความสูงมากกว่า 10 เมตรด้วยกันหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจและกู้ภัยได้รับแจ้งเหตุ

ก็ต่างพากันเดินทางไปยังจุดเกิดเหตุและพยายามที่จะช่วยกันพูดจาหว่านล้อมให้หญิงสาวคนดังกล่าวมีสติ และพยายามพูดโน้มน้าวให้หญิงคนดังกล่าวนั้นลงมาจากที่สูงซึ่งทางกู้ภัยและทางเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องช่วยกันเรียกกล่อมอยู่นานกว่า 20 นาทีหญิงคนดังกล่าวจึงยอมที่จะลงมา

ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ต้องขึ้นไปรับโดยนำกระเช้าโอนขึ้นไปแล้วนำตัวหญิงวัยกลางคน คนดังกล่าวลงมาได้อย่างปลอดภัยนั้นเองหลังจากที่ลงมาอยู่ข้างล่างแล้วก็มีการพูดคุยกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจนทราบว่าเธอชื่อนางสาวอรัญญาซึ่งขณะนี้เธอมีอายุอยู่ที่ 48 ปีแล้วโดยเธอมีอาชีพขายกาแฟตรงบริเวณหลังสถานีขนส่งหมอชิตใหม่นั่นเองแต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้เกิดอาการเครียดจนต้องมาคิดสั้นฆ่าตัวตาย

ในครั้งนี้เนื่องมาจากว่าเธอมีหนี้สินเป็นจำนวนมากที่ไปกู้หนี้ยืมสินมาและในแต่ละวันเธอมักจะต้องถูกเจ้าหนี้ที่เธอไปยืมเงินมานั้นตามมาทวงเงินทุกวันเมื่อบ่อยครั้งเข้าทำให้เธอเกิดความเครียดเนื่องจากเธอไม่สามารถหาเงินมาใช้หนี้ได้ในที่สุดเธอก็เลยตัดสินใจจะจบปัญหาเรื่องหนี้สินของเธ

ด้วยการที่ปีนขึ้นไปบนโครงเหล็กกวางจะกระโดดลงมาฆ่าตัวตายสำหรับคนที่เห็นเหตุการณ์ก็ให้ข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเช่นเดียวกันว่ารู้จักแม่ค้าคนดังกล่าวเป็นอย่างดีซึ่งโดยปกติแล้วแม่ค้าคนนี้จะเป็นคนร่าเริงแจ่มใสอยู่ตลอดเวลาแต่ก็ทราบมาว่าจะมีเจ้าหนี้เดินทางมาหาแม่ค้าคนนี้ทุกวัน

เพื่อทวงถามเรื่องของเงินที่ยืมไปอย่างไรก็ตามไม่มีใครคาดคิดมาก่อนเลยว่านางสาวอนัญญานั้นจะมีความเครียดมากถึงขนาดที่จะต้องขึ้นโครงเหล็กไปกระโดดฆ่าตัวตายซึ่งทุกคนรู้สึกโล่งใจมากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถช่วยเหลือเธอลงมาได้

 

สนับสนุนโดย  เว็บพนัน csgo

ฝ่าเคอร์ฟิวออกไปตกปลา เจอเจ้าหน้าที่ตำรวจกระโดดน้ำหนี ดับสลด

          ช่วงเวลาประมาณเที่ยงของวันที่ 28 เดือนพฤษภาคมพศ 2563 เจ้าหน้าที่ตำรวจของเมืองพัทยาพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กู้ภัยทางทะเลได้พยายามตามหาร่างผู้เสียชีวิตจากการจมน้ำบริเวณแถวสะพานท่าเทียบเรือแหลมบาลีฮายซึ่งจากการพบศพของผู้เสียชีวิตนั้นไม่มีร่องรอยการถูกทำร้ายซึ่งสันนิษฐานจากศพว่าจมน้ำเสียชีวิต  จากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นพบว่าผู้เสียชีวิตชื่อว่านายบุญถิ่นซึ่งภรรยาของผู้เสียชีวิตนั้น

ให้การกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าสามีของเธอนั้นเคยทำงานเป็นผู้ช่วยกุ๊กโดยทำงานอยู่ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในเขตพื้นที่พัทยา ก่อนที่จะประสบกับปัญหาการระบาดของไวรัสโคโรน่า ซึ่งหลังจากที่มีไวรัสกรุณาเข้ามาร้านอาหารก็ปิดตัวลงทำให้สามีของเธอนั้นต้องตกงานโดยตลอดระยะเวลา 2 เดือนนั้น

ไม่สามารถหางานใหม่ทำได้เลยหลังจากที่รัฐบาลได้มีการประกาศขยายเวลาคือฟิวส์สามีของเธอนั้นก็ออกหาเลี้ยงชีพด้วยการตกปลาแต่เนื่องจากเวลาเคอร์ฟิวนั้นเป็นช่วงเวลา 23:00 น 4:00 น. แต่สามีของเธอนั้นจะออกมาตกปลากันแต่ช่วงเวลาประมาณ 03:00 น. ทำให้ในวันดังกล่าวนั้นระหว่างที่สามีของเธอออกมาตกปลาพบเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจพอดีเป็นเกรงว่าจะมีความผิดที่อยู่ข้างนอกบ้านในช่วงเวลาเคอร์ฟิวสามีของเธอจึงได้กระโดดน้ำหนีเจ้าหน้าที่ตำรวจ

แต่อาจจะเกิดปัญหาระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นอาจจะเป็นตะคริวจึงให้เกิดเหตุเศร้าสลดในครั้งนี้ขึ้นโดยภรรยาของผู้เสียชีวิตยังบอกอีกด้วยว่าในวันที่เกิดเหตุนั้นเธอเห็นว่า 7:00 นแล้วแต่สามีของเธอนะยังไม่กลับบ้านสักทีซึ่งปกติแล้วสามีของเธอจะต้องกลับมาบ้านช่วงเวลาประมาณสัก 05:00 น.ถึง 6:00 น

ด้วยความที่เธอเป็นห่วงสามีจึงได้เดินออกไปตามหาสามีบริเวณที่สามีเคยตกปลาอยู่เป็นประจำแต่เธอเจอแค่รองเท้าสามีของเธอวางอยู่ตรงบริเวณโป๊ะเรือเท่านั้น  เธอจะได้เดินทางไปสอบถามกับพนักงานที่ทำงานอยู่ตรงบริเวณท่าเรือซึ่งเขาบอกว่าเขาเห็นสามีของเธอกระโดดน้ำหนีตำรวจหลัง

จากนั้นก็ว่ายน้ำแอบเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เดินทางมาตรวจ เธอไม่ได้คิดอะไรคิดว่าสามีของเธอนั้นน่าจะเดินทางกลับบ้านเป็นที่เรียบร้อยแล้วเธอจะได้กลับไปรอสามีที่บ้านอีกรอบนึงแต่หลังจากเธอกลับถึงบ้านไม่นานเจ้าหน้าที่ตำรวจก็โทรมาบอกเธอว่าพบกระเป๋าของสามีของเธอลอยน้ำอยู่รวมถึงมีร่างของสามีของเธอลอยอยู่ในน้ำทำให้ทราบว่าสามีของเธอนั้นเสียชีวิตแล้ว

       เหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะว่าชายที่เสียชีวิตนั้นต้องการหาปลาไปขายเพื่อนำเงินมาเลี้ยงครอบครัวแต่บังเอิญว่าออกไปหาปลาในช่วงเวลาที่เคอร์ฟิว จึงทำให้กลัวเจ้าหน้าที่จะจับกุมจำเป็นต้องกระโดดน้ำหนีเลยทำให้เสียชีวิตดังกล่าวซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้คงไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นเพราะว่าถ้าเกิดเขาเลือกได้เขาคงไม่ออกมาตกปลาตั้งแต่ช่วงเวลา 03:00 น. ซึ่งเป็นช่วงที่คนฉันยังนอนหลับพักผ่อนกันอยู่แต่เนื่องจากเลิกไม่ได้เลยต้องออกมาหาเพื่อที่จะได้มีเงินมาเลี้ยงครอบครัวนั่นเอง

 

สนับสนุนโดย  เว็บพนัน จ่ายจริง

ชายไทยกลับจากต่างประเทศโพตส์แชร์ความประทับใจ

ชายไทยกลับจากต่างประเทศโพตส์แชร์ความประทับใจประเทศไทยกักตัว 14 วัน ดูแลอย่างดี

         ผ่านมาหลายเดือนแล้วกับการที่เราต้องใช้ชีวิตอยู่กับโรคระบาด ไวรัสโควิด-19 ซึ่งหลายคนก็พยายามปรับตัวได้เป็นอย่างดีจนผลที่ออกมาในตอนนี้เป็นที่น่าพอใจว่าจำนวนผู้ติดเชื้อนั้นมีลดลงและสามารถควบคุมตัวผู้ติดเชื้อไม่ให้มีมากขึ้นหากไม่มีการเปรียบเทียบกับต่างประเทศแล้วอย่างไรก็ดีปัจจุบันนี้ถึงแม้ว่ารัฐบาล

จะมีการผ่อนปรนให้ประชาชนออกมาใช้ชีวิตได้ตามปกติทุกคนก็ยังต้องมีการรักษากฎระเบียบของรัฐบาลที่มีการออกมาควบคุมไว้ด้วยการสวมใส่หน้ากากอนามัยและเว้นระยะห่างระหว่างกันซึ่งแต่ละคนก็สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติปัจจุบันทางรัฐบาลเริ่มมีการปลดล็อค

ที่มีการห้ามการเดินทางระหว่างประเทศตอนนี้ก็เริ่มเปิดให้คนไทยที่อยู่ต่างประเทศสามารถเดินทางเข้ามาที่ประเทศไทยได้แล้วและขั้นตอนการดูแลเพื่อไม่ให้คนต่างประเทศนำเชื้อโรคกับมาให้กับคนไทยเพิ่มมากขึ้นดังนั้นขั้นตอนนี้จึงมีขั้นตอนการปรับตัวก่อนที่จะมีการปล่อยตัวให้กับบ้าน

ซึ่งขั้นตอนนี้เองที่มีชายหนุ่มคนหนึ่งที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากประเทศมาเลเซียได้มีการมาโพสต์ Facebook เพื่อแชร์ประสบการณ์ที่เขาได้เจอในขณะที่เดินทางกลับมาจากประเทศมาเลเซียแล้วก็มาถูกกักตัวที่ประเทศไทยซึ่งเขาบอกได้เลยว่าการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ของไทยนั้นได้มาตรฐานและรัดกุมและเค้ารู้สึกเป็นขั้นเป็นตอนดีรวมถึงความรู้สึกที่เขาภูมิใจมาก

ที่ได้เกิดมาในประเทศไทยและภูมิใจที่ประเทศไทยนั้นดูแลประชาชนของตนเองเป็นอย่างดีหากเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นแล้วซึ่งเขาได้มีการโพสต์เปรียบเทียบตั้งแต่ตอนที่เขาอยู่ต่างประเทศตอนที่ต้องถูกกักตัวและไม่สามารถเดินทางกลับมาประเทศไทยได้นั้นขนาดนั้นเขาอยู่ที่ต่างประเทศเป็นระยะเวลานานถึง 3 เดือนด้วยกันซึ่งสิ่งที่เขาอยู่ได้ก็คืออยู่ในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆติดทะเลถึงแม้เขาจะสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ

แต่มันก็ดูน่าเบื่อจนเกินไปจนในที่สุดเขาก็สามารถทำเรื่องขอกลับมาประเทศไทยได้ซึ่งเขาเปรียบเทียบว่าระหว่างเจ้าหน้าที่สนามบินของประเทศมาเลเซียนั้นไม่ได้มีการป้องกันเชื้อโรคใดๆเลยแม้แต่หน้ากากอนามัยก็ไม่ใส่ในขณะที่กลับมาถึงเมืองไทยนั้นเจ้าหน้าที่ของเมืองไทยมีการใส่ควบคุมเชื้อโรคอย่างดี

ตั้งแต่หัวจดเท้ารวมถึงมีการแยกตึกกล่องและให้นี่นักท่องเที่ยวที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศเว้นระยะห่างระหว่างกันเป็นอย่างดีรวมถึงมีคอยเจ้าหน้าที่คอยให้ความดูแลแนะนำและพาไปส่งยังจุดต่างๆจนถึงขั้นตอนสุดท้ายที่เขาได้เข้าไปห้องพักที่มีการเตรียมการเอาไว้ให้สำหรับการกักตัวนักท่องเที่ยว

ที่เดินทางจากต่างประเทศ 14 วันนั้นเรารู้สึกประทับใจตลอดตั้งแต่เข้ามาสู่สนามบินสุวรรณภูมิจนถึงขั้นตอนออกจากสนามบินและเข้าที่พักในการปรับตัวเขาบอกได้เลยว่าประเทศที่เขาจะออกมานั้นไม่มีใครดูแลประชาชนของตนเองได้ดีเท่ากับประเทศนี้แน่นอน

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  เว็บพนัน ไม่ผ่านเอเย่นต์