เด็ก 1 ขวบถูกต้นทุเรียนขนาดใหญ่ล้มทับ

เด็ก 1 ขวบถูกต้นทุเรียนขนาดใหญ่ล้มทับสุดเวทนาครอบครัวไม่มีเงินพาไปเผาที่บ้านเกิดเพราะมีเงินติดตัวแค่เพียง 70 บาทเท่านั้น 

       เมื่อวันที่ 15 เดือนพฤษภาคมปี พ.ศ. 2563 มีเหตุการณ์เด็ก 1 ขวบ 10 เดือนถูกต้นไม้ใหญ่ล้มทับเสียชีวิตและถูกส่งตัวมาไว้ที่โรงพยาบาลแต่ทางญาติของเด็กผู้หญิงเสียชีวิตนั้นไม่สามารถนำเด็กออกจากโรงพยาบาลได้เพราะไม่มีเงินทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงได้ให้ความช่วยเหลือด้วยการไปตะเวนหาขอยืมโลงศพตามวัดต่างๆเพื่อมาให้ทางญาติของเด็กได้นำร่างของเด็กบรรจุโลงศพและนำไปประกอบพิธีทางศาสนา

ซึ่งทางญาติของเด็กเองตั้งใจที่จะนำร่างของเด็กชายไปทำเผาที่บ้านเกิดที่จังหวัดนครพนมแต่เนื่องจากครอบครัวมีฐานะยากจนมีเงินติดตัวแค่เพียง 70 บาทเท่านั้นจึงไม่สามารถนำร่างของเด็กชายเดินทางไปต่างจังหวัดได้ชาวบ้านที่ทราบเรื่องจึงแนะนำว่าให้เผาร่างของเด็กชายที่จังหวัดชุมพรนี้ก่อนแล้วเมื่อมีเงินค่อยกลับไปบ้านแล้วนำกระดูกของเด็กชายไปประกอบพิธีทางศาสนาอีกครั้งหนึ่งจากเหตุการณ์ครั้งนี้ยายของเด็กชายที่เป็นผู้เสียชีวิตเราให้กับทางเจ้าหน้าที่ฟังว่าครอบครัวมีฐานะยากจน

จึงได้เดินทางมาหางานทำที่จังหวัดชุมพรซึ่งผู้เป็นหญ้านั้นได้ทำงานอยู่ในสวนทุเรียนและมีอาชีพเก็บทุเรียนหลังจากที่ทำงานเสร็จเรียบร้อยแล้วย่าจึงได้ชวนเด็กๆมาปีนต้นสะตอเพื่อเก็บไว้เป็นอาหารในช่วงเย็นซึ่งก็ตอนนี้อยู่ใกล้กับบริเวณภูเขาแต่ในช่วงเวลานั้นหลานชายเกิดปวดท้องอยากเข้าห้องน้ำใดจึงได้พาไปเข้าห้องน้ำที่ตรงบริเวณใต้ต้นมังคุดหลังจากนั้นก็พากันกลับมาตรงใต้ต้นสะตออีกครั้งหนึ่ง

แต่อยู่ดีๆยายก็ได้ยินเสียงดังเปรี้ยงหลังจากนั้นมือของหลานที่กุมมือของยายอยู่อยู่ๆก็หลุดออกไปเหมือนมีใครมากระชากและเมื่อหันกลับไปมองก็เห็นว่ามีต้นไม้ที่เป็นต้นทุเรียนขนาดใหญ่ล้มทับร่างของหลานชายอยู่จึงได้ตะโกนให้คนงานคนอื่นๆตามกันมาช่วยแต่ก็ไม่สามารถยื้อชีวิตของหลานชายเอาไว้ได้เพราะต้นทุเรียนนั้นมีขนาดที่ใหญ่มากๆทำให้หลานชายนั้นเสียชีวิตค่าที่ซึ่งทางด้านยายของหลานนั้นมีเงินติดตัวแค่เพียง 70 บาทเท่านั้น

จึงไม่สามารถที่จะนำร่างของหลานชายไปจัดพิธีเผาศพที่บ้านเกิดของหลานได้จึงได้ทำเพียงแค่จัดพิธีเผาศพที่วัดในจังหวัดชุมพรนี้โดยตั้งใจจะไปเผาที่วัดแต่ก็มีปัญหาว่าไม่มีเงินพอที่จะซื้อโลงศพให้หลานทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงได้ให้ความช่วยเหลือด้วยการไปหายืมรวมส่งมาให้ซึ่งก็มีคนใจดีที่เป็นเจ้าของโรงศพได้ให้ยืมโลงศพที่เป็นโรงแอร์มาใช้ในการประกอบพิธีและได้เจ้าของสวนทุเรียนที่ออกมาช่วยเหลือด้วยการจ่ายค่าจัดงานศพในครั้งนี้ให้

 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  bk8 casino

ผูกคอตายประชดพิษโควิด-19    

 

       ถ้าพูดถึงปัญหาด้านการเงินตอนนี้สามารถบอกได้เลยว่าทุกครอบครัวมีปัญหาเหมือนกันหมดทั่วประเทศไม่ว่าจะเป็นคนที่หาเช้ากินค่ำหรือแม้แต่คนที่ประกอบอาชีพเป็นเจ้าของกิจการเองหรือเป็นพนักงานบริษัทก็ตามแต่ต่างก็ได้รับผลกระทบกันทั้งสิ้นและกลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดก็คือพวกหาเช้ากินค่ำซึ่งมีหลายคนที่เมื่อได้รับผลกระทบแล้วรู้สึกท้อแท้ในชีวิตและสิ้นหวังหมดกำลังใจจนพวกเขาเหล่านั้นฆ่าตัวตายซึ่งมีหลายชีวิตที่ฆ่าตัวตายเพราะเหตุการณ์เกิดการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าหนึ่งในนั้นคือคุณป้าท่านหนึ่งที่จังหวัดกำแพงเพชรคุณป้ามีอายุ 57 ปี

ซึ่งคุณป้าอยู่กับคุณแม่ และหลานๆรวมเป็น 4คนโดยทั้งคู่มีอาชีพขูดมะพร้าวขายแต่หลังจากที่มีการระบาดของเชื้อไวรัสรายได้ที่เคยมีวันละ 400 บาทถึง 500 บาทก็หดหายลงซึ่งบางวันก็ไม่มีรายได้เข้ามาเลยคุณป้าวัย 57 ปีเคยส่งลงทะเบียนขอเงินเยียวยา 5 พันบาทแต่ก็ถูกปฏิเสธจึงไม่มีเงิน 5,000 บาทนั้นมาใช้ในครัวเรือนทำให้คุณป้ารู้สึกท้อแท้สิ้นหวังเคยไปปรับทุกข์กับญาติพี่น้องและเพื่อนบ้าน

ซึ่งหลังจากที่ประสบปัญหาอย่างหนักและไม่สามารถหาทางออกได้คุณป้าวัย 57 ปีจึงได้ทำการผูกคอตาย ซึ่งคุณป้าได้ผูกคอตายหน้าบ้านของตนเองนั่นเอง แล้วจากที่คุณป้าเสียชีวิตไปแล้วแม่วัย 78 ปีก็ไม่มีเงินที่จะทำศพซึ่งหลังจากข่าวนี้ได้มีการแชร์ออกไปต่างก็มีคนเห็นใจในตัวของคุณแม่วัย 78 ปีกันเป็นอย่างมากเพราะต่อไปนี้แม่จะต้องมีการใช้ชีวิตอยู่โดยที่ไม่มีลูกสาวคอยช่วยเหลืออีกทั้งตัวคุณแม่เองก็เป็นผู้สูงอายุและยังต้องดูแลหลานอีก 2 คนดังนั้นชาวโซเชียลจึงได้รู้สึกเห็นใจจึงพากันรวบรวมเงินส่งมาช่วยเหลือแม่ของผู้เสียชีวิต

โดยหลังจากนี้ทางแม่ของผู้เสียชีวิตได้นำเงินช่วยเหลือบางส่วนมาจากงานศพให้ลูกสาวตนเองและบางส่วนก็จะเก็บเป็นคนเอาไว้ใช้จ่ายซึ่งแม่ของผู้เสียชีวิตได้มีการกล่าวฝากกับนักข่าวถึงผู้ที่มีจิตใจดีนำเงินมาบริจาคช่วยเหลือในครั้งนี้ว่าถ้าหากไม่มีผู้ที่นำเงินมาช่วยเหลือตัวแม่เองก็ไม่รู้ว่าจะจัดงานศพของลูกยังไงก็ไม่มีแม้แต่เงินจะซื้อข้าวกินอยู่แล้วตอนนี้

       ในสถานการณ์ตอนนี้ทุกคนต่างท้อแท้สิ้นหวังไร้คนป่วยเป็นโรคซึมเศร้าและหลายคนไม่อยากมีชีวิตอยู่เพราะถึงแม้ไม่ติดเชื้อไวรัสโคโรนาก็อาจจะต้องอดตายซึ่งตอนนี้ผู้คนส่วนใหญ่เริ่มไม่กลัวการติดเชื้อกันแล้วแต่กลัวกับการที่จะไม่มีเงินซื้อข้าวกินแล้วต้องอดตายกันมากกว่าถึงแม้ว่าปัจจุบันทางรัฐบาลจะมีการออกนโยบายมาช่วยเหลือประชาชนแต่ก็เป็นนโยบายที่ออกมาแล้วไม่สามารถช่วยเหลือประชาชนที่อดอยากปากแห้งได้อย่างจริงจังจึงทำให้หลายคนต้องคิดสั้นฆ่าตัวตายเพราะสิ้นหวังและไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้แล้ว

 

ได้รับการสนับสนุนมาจาก  bk8 casino