เมื่อต้องถูกกักตัวอยู่แต่ในบ้าน ทำให้คนเราอ้วนกันมากขึ้น 

             คุณเคยสังเกตุน้ำหนักของตัวเองมีว่าตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมานั้นจนถึงปัจจุบันนี้น้ำหนักของคุณในปริมาณเหมือนเดิมหรือลดลงหรือมากขึ้นกว่าเดิมหรือไม่แน่นอนว่าตั้งแต่มกราคมต่อเนื่องมาจนถึงเดือนเมษายนนั้นประชาชนส่วนใหญ่จะอยู่แต่ในบ้านเพราะที่ทำงานมีการสั่งปิดการทำงานชั่วคราวหรือบางสถานที่ก็มีการให้พนักงานนั้นทำงานอยู่ที่บ้านและแน่นอน

เมื่อคุณทำงานอยู่ที่บ้านอยู่ห่างไกลจากสายตาของเจ้านายเราก็มักจะละเลยในเรื่องของการควบคุมดูแลตนเองเราสามารถที่จะเดินไปกินอะไรก็ได้ง่ายๆเพียงแค่ไปเปิดตู้เย็นของกินก็รอเราแต่งตู้ดังนั้นเมื่อมีการสำรวจออกมาจึงพบว่าช่วงประมาณ 4 เดือนที่มีการกักตัวเองอยู่แต่ในบ้านของประชาชนนั้นแต่ละคนนั้นจะมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของน้ำหนักตัวที่เพิ่มมากขึ้นซึ่งเป็นคนนั้นก็สามารถที่จะควบคุมตนเองได้อาจจะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย 1-2 กิโลกรัม

แต่บางคนนั้นปล่อยตามใจปากก็จะมีทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นถึง 10 กิโลกรัมก็มีแต่ในขณะเดียวกันมีรายงานค่ะจากทางประเทศจีนออกมาว่าทางแพทย์ได้ค้นพบน้ำหนักตัวของคนที่เกิดตัวเองอยู่ในบ้านในท้องมีน้ำหนักสูงถึง 100 กิโลกรัมเลยทีเดียวซึ่งจำนวนน้ำหนัก 100 กิโลกรัมนี้เขาใช้เวลาเพียงแค่ 5 เดือนเท่านั้น

ในการเพิ่มน้ำหนักแน่นอนว่าสาเหตุที่เขาเป็นแบบนี้เพราะว่าเขาไม่ออกกำลังกายค่ะที่อยู่บ้านเลยทำได้แค่เพียงตื่นขึ้นมากินแล้วก็นอนเท่านั้นจึงทำให้เขานั้นกลายเป็นโรคอ้วนและส่งผลเสียต่อร่างกายของเขาเพราะโรคอ้วนนั้นจะทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของการเต้นหัวใจที่ผิดปกติการหายใจที่ลำบากขึ้นรวมถึงอาจจะทำให้หัวใจล้มเหลวเฉียบพลันก็เป็นได้ยังไงก็ตามรายงานข่าวในครั้งนี้ถือว่าเป็นข่าวจริงที่ไม่ได้ข่าวปลอมเพราะวันที่ 13 เดือนมิถุนายนปีพศ 2563

สำนักงานข่าวของจีนได้มีการประกาศรายชื่อของคนที่มีความอ้วนเรา 100 กิโลกรัมว่านายโจวคืนเขาเป็นคนเมืองอู่ฮั่นไปเดินทีเขาก็มีน้ำหนักเยอะอยู่แล้วแต่พอเขาต้องถูกกักตัวน้ำหนักของเขาก็ยิ่งเยอะขึ้นไปใหญ่ซึ่งในครั้งแรกนั้นเขาน้ำหนักก็อยู่ที่ประมาณ  100 กิโลอยู่แล้วแต่พอ 5 เดือนผ่านไปหลังจากที่เขาแค่กินกับนอนและไม่ทำอย่างอื่นเลย

ก็ทำให้น้ำหนักตัวของเขาตอนนี้อยู่ที่ประมาณ 279 กิโลกรัมเข้าไปแล้วซึ่งตอนนี้ในโจนะมีสุขภาพร่างกายเป็นอย่างมากจนต้องมีการประสานงานกับทางเจ้าหน้าที่ให้มาพาไปรักษาตัวเนื่องจากว่าเขาไม่สามารถที่จะนอนได้เลยและเขานอนไม่ได้มา 2 วันแล้วนั่นก็เพราะว่าเขาไม่สามารถหายใจได้อย่างปกตินั่นเองซึ่งตอนนี้ทางโรงพยาบาลกำลังมีการดูแล นายโจว และหวังว่าจะสามารถรักษานายโจวให้หายเป็นปกติได้

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  bk8

ประเทศอิตาลีและเยอรมนีต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ

ประเทศอิตาลีและเยอรมนีต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้ตอนนี้เปิดรับนักท่องเที่ยวแล้ว

          มีรายงานข่าวเข้ามาว่าประเทศอิตาลีจะเป็นประเทศแรกในกลุ่มประเทศยุโรปที่จะมีการเปิดพรมแดนให้กับชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวที่ประเทศอิตาลีรวมถึงประเทศอิตาลีนั้นจะมีการยกเลิกเงื่อนไขเกี่ยวกับเรื่องของการกักตัวนักท่องเที่ยว 14 วันออกไปสำหรับประเทศเยอรมันเองก็เช่นเดียวกันตอนนี้ได้มีการประกาศออกมาแล้วว่าจะอนุญาตเปิดพรมแดน

และให้สมาชิกสหภาพยุโรปรวมถึงกลุ่มเชงสามารถเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวที่ประเทศเยอรมนีได้ทั้งนี้เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจของโลกนั้นกำลังอยู่ในสภาวะขาลงทำให้หลายประเทศถึงแม้ว่าการระบาดของไวรัสโคโรน่าจะยังไม่สามารถควบคุมได้แต่ก็จำเป็นที่จะต้องมีการเปิดประเทศ

เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวให้ไปท่องเที่ยวในต่างประเทศโดยหวังจะสร้างเม็ดเงินจากการท่องเที่ยวทำให้สภาวะเศรษฐกิจของประเทศนั้นๆที่กำลังซบเซาอยู่ดีขึ้นหนึ่งในนั้นก็คือประเทศอิตาลีและประเทศเยอรมันนั่นเองมีรายงานข่าวเข้ามาว่าอิตาลีนั้นจะยกเลิกการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว

ที่จะเข้ามาเที่ยวที่ประเทศอิตาลีแล้วซึ่งจะเปิดให้นักท่องเที่ยวนั้นสามารถเดินทางมาเที่ยวที่อิตาลีได้ประมาณวันที่ 15 มิถุนายนปีพศ 2563 นี้หลังจากที่ประเทศอิตาลีนั้นได้มีการปิดล็อคประเทศไม่ให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศมานานหลายเดือนอย่างไรก็ดีมีการรายงานข่าวเข้ามาว่าเมื่อช่วงประมาณวันที่ 2 มิถุนายนที่ผ่านมานี้

สนามบินของกรุงโรมได้มีการเปิดทำการรับคนต่างประเทศเข้ามาบ้างแล้วแต่ว่าสถิติการติดต่อเดินทางในการเข้าประเทศอิตาลีนั้นค่อนข้างน้อยมากเมื่อเปรียบเทียบกับที่อื่นที่ผ่านมาซึ่งในวันดังกล่าวถือว่าเป็นวันหยุดแต่ก็มีคนเดินทางเข้ามาเพียงแค่จำนวนคนเท่านั้นในขณะที่ปีก่อนก่อนนั้น

มีเข้ามาเป็นแสนคนเลยทีเดียวอย่างไรก็ตามทางอินเทอร์เน็ตเองก็จะมีการเข้มงวดเรื่องของผู้ที่จะเข้ามาในประเทศเช่นเดียวกันเพราะจะมองว่าหากประเทศไหนที่ยังคงมีการระบาดของไวรัสโคโรน่าเยอะอยู่โดยจะมีการเทียบอัตราจำนวนประชากร ของประเทศนั้นนั้น โดยจำนวนประชากรหนึ่งแสนคน หากมีคนติดไววัส 50 คนก็จะมีการประกาศห้ามประเทศนั้นเดินทางเข้าประเทศอิตาลีทันที 

แล้วถ้าหากการเปิดประเทศนี้กลับมาทำให้ประเทศอิตาลีนั้นมีจำนวนผู้ติดเชื้อมากขึ้นกว่าเดิมก็อาจจะมีการพิจารณาปิดการท่องเที่ยวอีกครั้งหนึ่งแต่อย่างไรก็ตามตอนนี้ทางนายกของอิตาลีเองก็เห็นว่าตอนนี้สมควรอย่างยิ่งที่จะมีการออกมาเปิดให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเที่ยวเพื่อที่จะกินของประเทศนั้นจะได้ดีขึ้นเนื่องจากเคยเห็นแล้วว่าหลายประเทศนั้นก็เริ่มมีการเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไปเที่ยวต่างประเทศกันได้แล้ว

 

สนับสนุนโดย  bk8

คดีแม่ใช้ไขควงแทงคอลูกสาวเสียชีวิตตำรวจยืนยันกับไม่ผิดตัว

              จากกรณีที่มีคดีหญิงสาวคนหนึ่งอายุ 29 ปีถูกคนร้ายเข้ามาชิงทรัพย์ในบ้านและใช้ไขควงแทงไปที่ลำคอและลำตัวของหญิงสาวคนดังกล่าวจำนวน 4 แผลด้วยกันทำให้หญิงสาวคนดังกล่าวนั้นเสียชีวิตภายในบ้านพักของตนเองซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นได้มีการตรวจสอบแล้วพบว่าผู้ที่ก่อเหตุฆ่าหญิงสาวคนดังกล่าวนั้นน่าจะเป็นแม่ของเธอเองโดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการจับกุมแม่ของผู้เสียชีวิตนั้นไปทำการสอบสวน

ซึ่งก่อนหน้านั้นทางญาติของผู้เสียชีวิตที่เป็นญาติพี่น้องของแม่ของผู้เสียชีวิตรวมถึงชาวบ้านต่างก็ไม่มีใครพากันเชื่อว่าแม่ของผู้เสียชีวิตนั้นจะเป็นคนฆ่าลูกของตนเองเพราะถึงแม้ว่าแม่ลูกคู่นี้จะมีการทะเลาะกันอยู่บ่อยครั้งแต่ก็ไม่น่าจะถึงกับที่จะต้องฆ่าแกงลูกตัวเองอย่างแน่นอน

ซึ่งในที่สุดแล้ว ผู้ต้องสงสัย นั่นก็คือนางประทีปได้มีการประกันตัวเองออกไปเพื่อต่อสู้คดีและเมื่อเธอมีการประกันตัวออกมาเสร็จเรียบร้อยแล้วเธอก็มีการร้องผ่านสื่อมวลชนขอความเป็นธรรมว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นจับผิดตัวตัวตัวเองยืนยันได้ว่าเธอไม่ได้มีการฆ่าลูกสาวของเธออย่างแน่นอนซึ่งภายหลังจากที่มีข่าวเรื่องใหญ่โตเกี่ยวกับเรื่องที่นางประธีปออกมาเรียกร้อง

ขอความเป็นธรรมให้กับตนเองนั้นทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้มีการนำหลักฐาน ออกมาแสดงให้กับสื่อมวลชนและคนอื่นๆดูถึงเป็นเหตุที่ต่างประเทศนั้นฆ่าลูกสาวของตนเองโดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถหาหลักฐานและมัดตัวนางประธีปได้อย่างแน่นอนไม่ได้มีการจับแพะแต่อย่างใด โดยปมเหตุที่นางประทีปต้องลงมือฆ่าลูกสาวของตนเองนั้นเกิดมาจากเรื่องของการทะเลาะวิวาทกัน 2 เรื่อง

โดยเริ่มแรกนั้นเกี่ยวกับเงินที่ระบุว่ามีเงินหายไปจำนวน 2,000 บาทส่วนเรื่องที่ 2 นั้นเป็นเรื่องของมรดกซึ่งลูกสาวของนางประธีปนั้นได้รับมรดกมาจากพ่อ โดยได้รับมรดกเป็นที่ดินซึ่งนางประทีปนั้นต้องการที่จะให้ลูกสาวขายที่ดินดังกล่าวเพื่อเอาเงินมาใช้แต่ทางด้านลูกสาวของนางประทีปนั้นปฏิเสธ

ที่จะขายที่ดินดังกล่าวเซ็นให้ทั้งคู่มักจะทะเลาะกันเรื่องนี้อยู่เป็นประจำและในที่สุดวันเกิดเหตุทั้งคู่ก็ทะเลาะกันเรื่องสองเรื่องนี้อีกครั้งหนึ่งจนทำให้นางประทีปเกิดความไม่พอใจและครั้งมือใช้ไขควงแทงคอของลูกสาวจนถึงแก่ความตายหลังจากนั้นนางประทีปก็ได้มีการจัดฉากเหมือนกับว่ามีขโมยเข้ามาในบ้านและทำต้นทรัพย์สินไปและทำเหมือนว่าลูกสาวนั้นมาเจอกับขโมยพอดีทำให้ขโมยนั้นลงมือก่อเหตุฆ่าลูกสาวของเขา

 

สนับสนุนโดย  bk8

ถูกกระสุนปืนยิงดับ

ลูกสะใภ้เข้าไปห้ามพ่อสามีกลับลูกชายทะเลาะกันถูกกระสุนปืนยิงดับ

         เกิดเหตุคนถูกยิงเสียชีวิตที่บ้านหลังหนึ่งไม่มีเลขที่ในจังหวัดนครศรีธรรมราชโดยเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 17 เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2563 เวลาเกิดเหตุนั้นประมาณ 19.30 น. เหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นเนื่องจากว่าพ่อกับลูกชายคือนายแหนบและนายนิรันดร์สองพ่อลูกมักจะทะเลาะกันเป็นประจำทุกวันซึ่งเป็นที่อิจฉาละอายใจของชาวบ้านเป็นอย่างมากโดยวันเกิดเหตุนั้นช่วงเช้านายแหนบและนายนิรันดร์ก็ยังคงทะเลาะกันตามปกติ

โดยในวันนี้นายแหนบทนไม่ไหวจึงได้มีการขับไล่นายนิรันดร์ให้พาครอบครัวย้ายไปอยู่ที่อื่นแต่ในนี้มันไม่ยอมไปทำให้นายแหนบไม่พอใจจึงได้ออกจากบ้านไปตั้งแต่ช่วงเช้าหลังจากนั้นเมื่อช่วงเวลาค่ำนายแนบได้กลับมาที่บ้านอีกครั้งหนึ่งและเมื่อมาถึงบ้านเขาก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรได้มีการเจาะปืนที่เตรียมมาใส่ลูกชายทันทีแต่บังเอิญว่ากระสุนด้านทำให้ลูกปืนไม่ออกจากกระสุนเป็นเหตุให้นายนิรันดร์เข้าไปทำการแย่งปืนจากพ่อของตนเอง

ซึ่งระหว่างที่มีการแจ้งเตือนกันอยู่นั้นผู้เสียชีวิตก็คือนางสาวพัชรีซึ่งเป็นภรรยาของนายนิรันดร์มาเห็นเข้าจึงได้เข้าไปทำการช่วยเหลือและห้ามปรามสองพ่อลูกไม่ให้ทะเลาะกันรวมทั้งจะแย่งปืนมาจากทั้งสองพ่อลูกจนเกิดกระสุนปืนดังขึ้น 1 นัดหลังจากนั้นพบว่าผู้ที่ถูกกระสุนปืนคือนางสาวพัชรีซึ่งเธอถูกกระสุนยิงเข้าที่หน้าอกทะลุลำคอนอนหายใจรวยรินหลังจากที่นายนิรันดร์และนายแหนบเห็นว่านางสาวพัชรีถูกอาวุธปืนก็พากันโยนปืนทิ้งในนั้นวิ่งหนีออกจากบ้านไปสวนนายนิรันดร์นั้น

ได้แจ้งความให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยนำรถมารับตัวนางพัชรีไปส่งโรงพยาบาลแต่ไปยังไม่ทันถึงโรงพยาบาลนางพัชรีทนพิษบาดแผลไม่ไหวจึงเสียชีวิตระหว่างทางซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางมาถึงนายนิรันดร์ก็ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงเรื่องที่ทะเลาะกับพ่อจนเกิดมีปากเสียงกันและนำมาซึ่งการยิงกันในครั้งนี้โดยชาวบ้านที่อยู่ในละแวกดังกล่าวเป็นพยานให้ได้ว่าทั้งพ่อและลูกคู่นี้ต่างทะเลาะกันทุกวันจนชาวบ้านเบื่อหน่ายกันเป็นแถว สำหรับเรื่องนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภขนอมกำลังเร่งติดตามตัวในแหนบมาทำดีต่อไป

     เรื่องนี้ถ้าหากว่าลูกสะใภ้ไม่เข้ามายุ่งก็คงจะไม่ถูกกระสุนปืนจนทำให้ถึงแก่ความตาย สำหรับเรื่องนี้ความผิดนั้นก็เกิดขึ้นกับทั้งสองคนไม่ว่าจะเป็นสามีของนางพัชรีเองหรือแม้แต่พ่อสามีของนางพัชรีก็ตามเพราะทั้งคู่มีการแย่งปืนกันจึงทำให้ไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่เป็นคนลั่นกระสุนใส่นางพัชรีซึ่งต้องรอหลักฐานจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจในการตรวจหาคราบเขม่าดินปืนอีกครั้งหนึ่งจะได้นำคนร้ายมาลงโทษให้ได้

 

 

สนับสนุนโดย  bk8

เมื่อประชาชนไม่ยอมกักตัวอยู่ในบ้าน

เมื่อประชาชนไม่ยอมกักตัวอยู่ในบ้านตำรวจอินเดียจึงต้องงัดวิธีการเด็ดเข้ามาช่วยด้วยการใส่หน้ากากเชื้อไวรัสโควิด-19 เพื่อต้องการให้ประชาชนกลัว 

    เป็นเรื่องที่น่าต้องวนไปสำหรับหลายๆประเทศเมื่อรัฐบาลออกมาประกาศให้ทุกคนช่วยกันระวังการติดเชื้อไวรัส โควิด-19  ด้วยการพยายามให้กักบริเวณตัวเองอยู่แต่ในบ้านไม่ออกมาข้างนอกรวมถึงให้สวมใส่หน้ากากอนามัยและใช้เจลล้างมือซึ่งวิธีการนี้เป็นวิธีการขั้นต้นของทุกประเทศที่รัฐบาลออกมาประกาศขอความร่วมมือกับประชาชนทุกคนไม่ว่าประเทศไหนก็ตามก็มักจะมีผู้คนพยายามฝ่าฝืนสิ่งที่รัฐบาลพยายามร้องขอเพื่อให้ช่วยกันลดปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19  หนึ่งในประเทศที่มีปัญหาเดียวกันนี้

ก็คือประเทศอินเดียซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอินเดียมักจะพบว่าชาวบ้านไม่ยอมให้ความร่วมมือในการที่จะกักบริเวณตัวเองอยู่แต่ในบ้านตามที่ราชการทำการร้องขอและถึงแม้ทางรัฐบาลจะได้ออกมาตรการขั้นเด็ดขาดด้วยการประกาศเคอร์ฟิวแต่ก็ไม่สามารถยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19ได้รวมถึงไม่สามารถหยุดการออกนอกบ้านของชาวบ้านได้เลยในปัจจุบันประเทศอินเดียมีผู้ติดเชื้อไวรัสมากกว่า 1000 คน

และยังมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆสาเหตุก็เนื่องจากว่าประชาชนของประเทศอินเดียไม่เชื่อฟังคำสั่งของรัฐบาลและไม่เกรงกลัวกฎหมายถึงแม้ว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีการหามาตรการมาบังคับให้ประชาชนอยู่ในบ้านแล้วก็ตามซึ่งก่อนวันนี้เราจะเห็นว่ามีนายตำรวจของประเทศอินเดียนำไม้มาฟาดคนที่ไม่กักบริเวณตัวเองอยู่แต่ในบ้านแต่ถึงแม้จะโดนตีโดนฟาดประชาชนก็ยังพยายามที่จะเดินทางออกนอกบ้านกัน

ดังนั้นจึงมีเจ้าหน้าที่ตำรวจหัวใสคิดค้นวิธีการที่จะสามารถทำให้ประชาชนอยู่แต่ในบ้านโดยการสร้างหมวกกันน็อคที่เป็นรูปทรงของเชื้อไวรัสโควิด-19  และหลังจากนั้นก็สวมใส่หมวกกันน็อคอันนี้เอาไปหลอกประชาชนที่มีการเดินทางออกนอกบ้าน  ไม่น่าเชื่อว่าวิธีการนี้จะได้ผลดีเกินคาดเนื่องจากว่าหมวกกันน็อครูปทรงโควิด-19 นี้สร้างความหวาดกลัวให้กับประชาชนโดยเฉพาะเด็กๆเป็นอย่างมากทำให้ปริมาณประชาชนที่เดินทางออกนอกบ้านลดลงอย่างเห็นได้ชัดฝันว่า 

    สำหรับแนวความคิดนี้เป็นความคิดของสารวัตร  ราเจช   บาบู   ซึ่งเขาเป็นนายตำรวจที่คิดค้นและเป็นผู้สวมใส่หน้ากากนี่เองโดยเขาใส่หน้ากากนี้เที่ยวหลอกชาวบ้านที่เดินทางออกนอกบ้านแทบไม่ได้พักผ่อนซึ่งในขณะที่เขามีการนำหน้ากากนี้ออกไปหลอกชาวบ้านเขา

ก็ให้คำแนะนำและอธิบายถึงความน่ากลัวของเชื้อไวรัสชนิดนี้ให้กับชาวบ้านให้ฟังและไม่น่าเชื่อว่าวิธีการนี้ของสารวัตร  ส่งผลให้จำนวนชาวบ้านที่ได้รับข้อมูลข่าวสารจากทางสารพัดลดปริมาณการออกจากบ้านลงอย่างเห็นได้ชัด 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  bk8