ต้องการเงินบริจาค 20 ล้านบาท

ชาวโซเชียลสงสัยแม่ปุ๊กคุณแม่ของน้องอมยิ้มและน้องอิ่มบุญ อาจจะวางยาลูกเพื่อต้องการเงินบริจาค 20 ล้านบาท

    กำลังเป็นกระแสดราม่ากันอยู่ในขณะนี้เมื่อมีผู้ใช้ Facebook รายนึงมีการตั้งข้อสงสัยถึงเงินบริจาคที่ก่อนหน้านี้เมื่อประมาณปีพศ 2560 ชาวโซเชียลได้พากันบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือหญิงสาวคนหนึ่งที่ใช้ชื่อว่าแม่ปุ๊กซึ่งเธอออกมารับบริจาคกับทางลูกเพจโดยเธอเล่าถึงความจำเป็นว่าเธอนั้นมีลูกอยู่ 2 คนชื่อน้องอมยิ้ม

และน้องอิ่มบุญและเธอเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ไม่มีสามีคอยดูแลในขนาดนั้นเธอพบปัญหาว่าลูกสาวก็คือน้องอมยิ้มนั้นมีการป่วยด้วยอาการประหลาดและเธอไม่มีเงินที่จะพาลูกไปรักษาเธอจึงได้ทำสินค้าขึ้นมาเพื่อให้ชาวโซเชียลได้อุดหนุนเพื่อที่จะได้นำเงินดังกล่าวนั้นไปทำการรักษาลูกสาว

สำหรับอาการของน้องอมยิ้มนั้นมีอาการอาเจียนเป็นเลือดและเลือดออกจากปากอย่างไรก็ดีหลังจากที่มีการประกาศออกไปชาวโซเชียลต่างก็พากันสงสารและอุดหนุนกันเป็นจำนวนมากซึ่งมีการคาดการณ์กันว่ายอดการสั่งซื้อของผ่านออนไลน์ของแม่ปุ๊กได้เงินมากไปทั้งสิ้นรวมถึง 20 ล้านบาทเลยทีเดียว

แต่หลังจากนั้นช่วงประมาณปีพศ 2562 แม่ปุ๊ก็ออกมาประกาศผ่านทาง facebook ว่าอาการของน้องอมยิ้มนั้นไม่ดีขึ้นและปัจจุบันน้องอมยิ้มเสียชีวิตแล้วเมื่อเดือนธันวาคมปีพศ2562 นี่เองซึ่งในตอนนั้นแม่ปุ๊กได้ประกาศออกทาง Facebook ว่าจะไปทำการถือศีลเพื่อทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้กับน้องอมยิ้ม

แต่หลังจากนั้นช่วงประมาณปีนี้เองแม่ปู๊กก็ออกมาประกาศผ่านทาง facebook อีกครั้งหนึ่งว่าลูกสาวอีกคนหนึ่งก็คือน้องอิ่มบุญนั้นตอนนี้ก็มีอาการป่วยเหมือนกันกับน้องอมยิ้มซึ่งทั้งนี้แม่ปุ๊ดก็ขอรับบริจาคเงินจากชาวโซเชียลเหมือนเดิมแต่ปัญหาเกิดขึ้นเมื่อมีคนช่วยเหลือซื้อสินค้าแล้วแต่ไม่ยอมส่งสินค้าไปให้ทำให้มีคนไปแจ้งความดำเนินคดีฐานฉ้อโกง

หลังจากนั้นเมื่อมีคนโพสต์ Facebook เกี่ยวกับเรื่องของแม่ปุ๊กโกงสินค้าไม่ยอมส่งสินค้าให้ก็มีคนออกมาบอกว่าเสื้อที่น้องอมยิ้มเสียชีวิตนั้นมีการตรวจพบสารพิษบางอย่างในร่างกายของน้องซึ่งมีคนตั้งข้อสังเกตว่าแม่ปุ๊กอาจจะเป็นคนวางยาน้องอมยิ้มก็เป็นได้

เพราะจากการตรวจสอบข้อมูลจากโซเชียลพบว่าน้องอมยิ้มนั้นไม่ใช่ลูกแท้ๆของแม่ปุ๊กแบบเป็นเด็กที่มีการรับมาเลี้ยงและในครั้งนี้ก็อาจจะเป็นอีกครั้งหนึ่งที่แม่ปุ๊กวางยาลูกตนเองเพราะต้องการเงินบริจาคจากชาวโซเชียลอย่างไรก็ดีทางคุณพ่อของแม่ปุ๊กได้ออกมายืนยันว่าน้องอิ่มบุญนั้นเป็นลูกของแม่ปุ๊กจริงๆ

ส่วนน้องอมยิ้มนั้นเป็นเด็กที่เก็บมาเลี้ยงในขณะเดียวกันนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการรับตัวน้องอิ่มบุญเพื่อไปรักษาตัวและให้อยู่ในความดูแลของมูลนิธิส่วนตัวคุณแม่ปุ๊กนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการแจ้งความดำเนินคดีข้อหาฉ้อโกงซึ่งหลังจากที่แม่ปุ๊กรู้ว่ามีคนมาขุดคุ้ยเรื่องการเสียชีวิตของน้องอมยิ้มและให้ข้อมูลว่าแม่ปุ๊กอาจจะเป็นคนที่วางยาน้องอมยิ้มทำให้เธอไม่พอใจและได้มีการแจ้งความกับต่อคนที่ให้ข้อมูลใส่ร้ายเธอในโลกออนไลน์แล้ว

 

สนับสนุนโดย  sagame666

เด็ก 1 ขวบถูกต้นทุเรียนขนาดใหญ่ล้มทับ

เด็ก 1 ขวบถูกต้นทุเรียนขนาดใหญ่ล้มทับสุดเวทนาครอบครัวไม่มีเงินพาไปเผาที่บ้านเกิดเพราะมีเงินติดตัวแค่เพียง 70 บาทเท่านั้น 

       เมื่อวันที่ 15 เดือนพฤษภาคมปี พ.ศ. 2563 มีเหตุการณ์เด็ก 1 ขวบ 10 เดือนถูกต้นไม้ใหญ่ล้มทับเสียชีวิตและถูกส่งตัวมาไว้ที่โรงพยาบาลแต่ทางญาติของเด็กผู้หญิงเสียชีวิตนั้นไม่สามารถนำเด็กออกจากโรงพยาบาลได้เพราะไม่มีเงินทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงได้ให้ความช่วยเหลือด้วยการไปตะเวนหาขอยืมโลงศพตามวัดต่างๆเพื่อมาให้ทางญาติของเด็กได้นำร่างของเด็กบรรจุโลงศพและนำไปประกอบพิธีทางศาสนา

ซึ่งทางญาติของเด็กเองตั้งใจที่จะนำร่างของเด็กชายไปทำเผาที่บ้านเกิดที่จังหวัดนครพนมแต่เนื่องจากครอบครัวมีฐานะยากจนมีเงินติดตัวแค่เพียง 70 บาทเท่านั้นจึงไม่สามารถนำร่างของเด็กชายเดินทางไปต่างจังหวัดได้ชาวบ้านที่ทราบเรื่องจึงแนะนำว่าให้เผาร่างของเด็กชายที่จังหวัดชุมพรนี้ก่อนแล้วเมื่อมีเงินค่อยกลับไปบ้านแล้วนำกระดูกของเด็กชายไปประกอบพิธีทางศาสนาอีกครั้งหนึ่งจากเหตุการณ์ครั้งนี้ยายของเด็กชายที่เป็นผู้เสียชีวิตเราให้กับทางเจ้าหน้าที่ฟังว่าครอบครัวมีฐานะยากจน

จึงได้เดินทางมาหางานทำที่จังหวัดชุมพรซึ่งผู้เป็นหญ้านั้นได้ทำงานอยู่ในสวนทุเรียนและมีอาชีพเก็บทุเรียนหลังจากที่ทำงานเสร็จเรียบร้อยแล้วย่าจึงได้ชวนเด็กๆมาปีนต้นสะตอเพื่อเก็บไว้เป็นอาหารในช่วงเย็นซึ่งก็ตอนนี้อยู่ใกล้กับบริเวณภูเขาแต่ในช่วงเวลานั้นหลานชายเกิดปวดท้องอยากเข้าห้องน้ำใดจึงได้พาไปเข้าห้องน้ำที่ตรงบริเวณใต้ต้นมังคุดหลังจากนั้นก็พากันกลับมาตรงใต้ต้นสะตออีกครั้งหนึ่ง

แต่อยู่ดีๆยายก็ได้ยินเสียงดังเปรี้ยงหลังจากนั้นมือของหลานที่กุมมือของยายอยู่อยู่ๆก็หลุดออกไปเหมือนมีใครมากระชากและเมื่อหันกลับไปมองก็เห็นว่ามีต้นไม้ที่เป็นต้นทุเรียนขนาดใหญ่ล้มทับร่างของหลานชายอยู่จึงได้ตะโกนให้คนงานคนอื่นๆตามกันมาช่วยแต่ก็ไม่สามารถยื้อชีวิตของหลานชายเอาไว้ได้เพราะต้นทุเรียนนั้นมีขนาดที่ใหญ่มากๆทำให้หลานชายนั้นเสียชีวิตค่าที่ซึ่งทางด้านยายของหลานนั้นมีเงินติดตัวแค่เพียง 70 บาทเท่านั้น

จึงไม่สามารถที่จะนำร่างของหลานชายไปจัดพิธีเผาศพที่บ้านเกิดของหลานได้จึงได้ทำเพียงแค่จัดพิธีเผาศพที่วัดในจังหวัดชุมพรนี้โดยตั้งใจจะไปเผาที่วัดแต่ก็มีปัญหาว่าไม่มีเงินพอที่จะซื้อโลงศพให้หลานทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงได้ให้ความช่วยเหลือด้วยการไปหายืมรวมส่งมาให้ซึ่งก็มีคนใจดีที่เป็นเจ้าของโรงศพได้ให้ยืมโลงศพที่เป็นโรงแอร์มาใช้ในการประกอบพิธีและได้เจ้าของสวนทุเรียนที่ออกมาช่วยเหลือด้วยการจ่ายค่าจัดงานศพในครั้งนี้ให้

 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  bk8 casino

การช่วยเหลือเป็นสิ่งที่น่าภูมิใจมากที่สุด

เรื่องราวดังกล่าวนี้มันได้เป็นภาพที่สุดจะประทับใจที่เป็นการช่วยเหลือสุนัขตัวหนึ่งที่ได้เข้าไปติดอยู่ในทะเลสาบน้ำแข็งที่อยู่ในประเทศตุรกีกัน

รูปภาพของตำรวจนายหนึ่งที่กำลังพยายามที่จะว่ายน้ำที่มีความเย็นเยือกเพื่อที่จะว่ายไปถึงตรงกลางทะเลสาบ ซึ่งตรงจุดนั้นมันเป็นน้ำแข็งเพื่อที่จะช่วยเหลือเจ้าสุนัขตัวหนึ่งที่มันได้ติดอยู่ในน้ำแข็งในสภาพที่มันกำลังจะอ่อนแรงเต็มทีซึ่งนายตำรวจผู้นี้เขาได้พยายามที่จะใช้มือของเขาทุบน้ำแข็งให้มันแตก

และก็ได้เข้าไปช่วยเจ้าสุนัขตัวนั้นออกมาได้ท่ามกลางทะเลสาบที่หนาวเย็นแต่เจ้าหมาน้อยกับก็ได้รับความเมตตาจากนายตำรวจผู้ใจบุญคนนี้ได้เข้าไปช่วยเหลือมันเอาไว้และในที่สุดแล้วคำว่าปาฏิหาริย์มันก็มีอยู่จริงเมื่อเจ้าสุนัขก็ได้รับความช่วยเหลืออย่างทันท่วงทีจึงทำให้เจ้าหมาตัวนี้มันสามารถรอดมาได้อย่างน่าเหลือเชื่อ

ซึ่งนายตำรวจนั้นก็ได้ตั้งชื่อของเจ้าหมาตัวนี้ว่าเจ้าบัสซึ่งมันก็ได้มีความหมายว่าน้ำแข็งแห่งตุรกีและถ้าหากว่ามันพูดได้มันก็อยากจะขอบคุณกับชายผู้นี้ที่ได้ช่วยเหลือชีวิตมันเอาไว้

สำหรับเจ้าเวหาอย่างนกอินทรีย์นั้นถึงแม้ว่ามันจะสามารถบินได้อย่างรวดเร็วอีกทั้งยังมีสายตาที่ดีเยี่ยมมันสามารถที่จะมองหาเหยื่อจากบนฟ้าที่มีระยะไกลแต่ได้บางครั้งพวกเหล่านกอินทรีย์มันก็พลาดท่าได้เหมือนกันรูปภาพของเจ้าเหยี่ยวน้อยที่มันได้ตกลงไปในน้ำ

ซึ่งมันตกอยู่ในสภาพที่มันไม่สามารถที่จะช่วยเหลือตัวเองได้ เพราะมันพึ่งจะเป็นเพียงแค่ลูกนกอินทรีย์ที่มันกำลังหัดจับปลาที่อยู่ในน้ำและได้พลาดท่าตกลงไปในน้ำสะอย่างนั้น แต่มันก็ยังได้มีความโชคดีที่ได้มีคู่สามีภรรยาที่เขาได้ตกปลาอยู่แถวนั้นได้ไปพบเห็นมันพอดีและจากนั้นเขาทั้งสองคนก็ได้ช่วยมันขึ้นมาและ สำหรับเจ้านกอินทรีย์ตัวนี้มันจะต้องตื่นกลัวกับพวกมนุษย์แต่มันกลับไม่มีท่าทางใดๆแต่เจ้านกอินทรีย์ตัวนี้มันกลับทำท่าทางแสดงความดีใจในการช่วยเหลือครั้งนี้

นอกจากนั้นทางด้านของสองสามีภรรยาก็ยังได้ให้ปลากินโดยที่เจ้านกอินทรีย์ตัวน้อยตัวนี้ก็ไม่ได้มีคำว่าปฏิเสธแต่อย่างใดอีกด้วยและ นอกจากนี้สองสามีภรรยาก็ยังได้พาเจ้านกอินทรีย์ตัวน้อยกลับขึ้นฝั่งและก็ได้ทิ้งปลาตัวน้อยเอาไว้อีกสองตัวเอาไว้ให้เจ้านกอินทรีย์ตัวน้อยกินระหว่างที่มันรอขนของมันแห้งและ

เนื่องจากนี้ภายหลังประมาณอีกสองวันเขาก็ได้กลับมาดูที่เดิมก็ได้เห็นเจ้านกอินทรีย์ตัวน้อยตัวนี้มันได้อยู่กับแม่ของมันและอีกไม่นานพวกมันก็ได้ย้ายถิ่นฐานกันออกไปและถ้าหากว่ามันพูดได้นั้นมันก็คงจะพูดคำว่าขอบคุณให้กับคู่สามีภรรยาคู่นี้อย่างมากๆเลยทีเดี่ยว

 

สนับสนุนโดย  next88 line

พืชไม้ประดับนอกจากจะสวยแล้วยังมีพิษอีกด้วย

หากได้กล่าวถึงต้นไม้สิ่งแรกเลยที่เรานั้นจะคิดถึงนั้นก็คือสิ่งที่สวยงามสิ่งที่ทำให้สดชื่นรวมไปถึงสิ่งต่างๆอีกเยอะแยะมากมาย และถ้าหากว่าไม่ได้มีต้นไม้ที่ไม่มีประโยชน์ และบนโลกนี้มันก็อาจจะมีต้นไม้ที่มีพิษด้วยเช่นกันวันนี้เราได้นำพืชไม้ที่มีพิษเอามาให้ได้เห็นกันว่าในพื้นที่บ้านเรานั้นมีพืชชนิดนี้อยู่หรือป่าวกับต้นไม้ที่มีความอัตรายต่อตัวคุณได้

สาวน้อยประแป้ง

สำหรับต้นสาวน้อยประแป้งนั้น ซึ่งมันได้เป็นพืชไม้ประดับที่มันได้มีถิ่นฐานมาจากหมู่่เกาะอินดีสตะวันตก และ อเมริกาใต้ ซึ่งมีจะมีลักษณะที่ลำต้นที่ตรงจะมีใบออกเป็นรูปของวงรีใบนั้นจะเป็นมุมใบที่แหลมและจะมีสีขาวประปนไปทั่วทั้งใบและมันจะมีดอกที่ดูเหมือนกับดอกหน้าวัว ซึ่งมันจะมีสีเขียวอ่อนที่เหมือนกับไข่ไก่ เนื่องจากนี้สิ่งที่มันได้ทำให้ตกใจนั้นก็คือสิ่ง

ในส่วนของต้นไม้ชนิดนี้มันจะมีส่วนที่จะช่วยละลายสารพิษที่ชื่อว่าแคลเซียมออกซาเลตด้านสารโปรตีนและชนิดเอนไซม์ในบางจำพวกที่มันจะสามารถย่อยโปรตีนได้ ซึ่งหากเราเอาผิวหนังของเรานั้นเข้าไปถูกโดนที่น้ำยางของมันนั้นก็จะมีผื่นแดงและอาการคันและนอกจากนี้หากใครที่ได้รับประทานมันเข้าไปก็หากจะทำให้ด้านทางเดินของอาหารนั้นได้มีอาการที่ปวดแสบปวดร้อนทางด้านของช่องปากลำคอทางเดินส่วนของอาการและท้องหรือแม้แต่มันจะทำให้เรานั้นเสียชีวิตลงได้

ต้นลิลลี่

สำหรับต้นลิลลี่นั้นเป็นพืชไม้ดอกไม้ประดับที่ได้มีถิ่นอยู่ที่ทางตะวันออกกลาง ทั้งยังมีอยู่อีกหลายสายพันด้วยกัน เนื่องจากนี้พืชไม้ลิลลี้นั้นได้มีส่วนเก็บอาหารนั้นอยู่ที่ใต้ดินลักษณะของกรีบนั้นจะมีด้วยกันทั้งหมดหกกรีบจะมีเกรสอยู่ตรงกลางดอก

ซึ่งมันจะมีสีที่แตกต่างจากกันอีกเยอะแยะมากมาย ถึงแม้ว่ามันจะเป็นพืชไม้ประดับที่มีความสวยงามมากขนาดไหน แต่เมล็ดและรากเง่าของมันนั้นจะเต็มไปด้วยพิษทั้งหมด หากมีสัตว์หรือคนหลงไปกรับประทานมันเข้าไปก็จะมีลักษณะอาการคลื่นไส้ท้องเสียและยังถ่ายออกมามีเลือดปนออกมาพร้อมกับอุจจาระทั้งนี้ยังส่งผลทำให้ไตของเรานั้นถูกทำลายอีกด้วยทั้งนี้ยังไม่หมดมันยังทำให้ระบบกล้ามเนื้อของเรานั้นไม่มีแรงหรืออ่อนแรงลงจึงเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคอัมพาตได้ เนื่องจากนี้แล้วรู้เอาไว้เพื่อเป็นความรู้และอยู่ให้ห่างจากมันจะดีกว่าถึงแม้ว่ามันจะมีรูปลักษณะที่มีสีสันสวยงามขนาดไหนก็ควรหลีกเลี่ยงจะดีกว่า

เปิดสินทรัพย์ของผู้นำประเทศเกาหลีเหนือ

หากลองนึกถึงมหาเศรษฐีระดับโลกก็คงจะหนีไม่พ้นจากรายชื่อนิตยาสารที่ได้มีการจัดอันดับในแต่ละปีแต่ก็ยังมีเศรษฐีอยู่อีกหนึ่งกลุ่มซึ่งเมื่อได้เปิดสินทรัพย์ต่อสาธารณะชนด้วยเหตุผลหลายๆอย่าง 

Kim Jong Un

สินทรัพย์สุทธิที่คาดการณ์คือประมาณ5,000ล้านดอนลาร์ผู้นำประเทศเกาหลีเหนือยังไม่ทราบที่มาที่ไปของความมั่งคั่งที่ได้อย่างแน่ชัดแต่ก็ยังมีการที่คาดการณ์เอาไว้ว่าความมั่งคั่งนี้มาจากทางธุรกรรมที่ไม่สุจริตเกาหลีไต้และสหรัฐก็ได้ร่วมมือกันเพื่อตรวจสอบกันอย่างละเอียดและก็ยังได้ค้นเจอว่าเขานั้นได้กระจายในการซ่อนสินทรัพย์ไปตามยังธนาคารต่างๆไปทั่วโลกมากกว่า200กว่าแห่งด้านเงินงบประมาณที่เกาหลีใต้ได้ถูกจ่ายให้เป็นค่าแรงของคนงาน

และเป็นค่าทำเนียมให้แก่นิคมอุตสาหกรรมร่วมแกซองประมาณ70%นั้นได้ถูกเกาหลีเหนือได้ยัดย้ายถ่ายเทไปใช้เพื่อสนับสนุนโครงการที่พัฒนาอาวุธและซื้อของที่ฟุ่มเฟือยให้กับKim Jong Unการเปิดเผยของเกาหลีใต้นับได้ว่าได้เป็นการที่ได้ออกมายอมรับอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกด้วยว่าแรงงานชาวเกาหลีเหนือประมาณ50,5000คนที่นิคมอุตสาหกรรมแกซองได้รับค่าจ้างเพียง160ดอนลาร์หรือประมาณ5,600บาทต่อเดือนเท่านั้น

และจากรายงานนั้นก็ได้พบว่านายKim Jong Unผู้นำของเกาหลีเหนือผู้ที่ใช้ชีวิตอย่างหรูหราคนนี้ได้ใช้เงินเพื่อที่สนองในความที่จะต้องการในของตัวเอง ซึ่งก็ได้เป็นเงินจำนวนประมาณ716ล้านดอนลาร์หรือประมาณ21,400ล้านบาทคิดเป็นรายจ่ายสองเท่าของนายคิมจองอิลผู้ที่เป็นบิดาและในเงินจำนวนมากนี้ได้ถูกใช้ไปกับรถLUXURY CARSนับ10คันเปียโนจำนวนราคาแพงเป็นจำนวนมากเหล้าชั้นดีที่หนีภาษีโรงภายยนต์ส่วนตัว

ซึ่งสามารถบรรจุผู้ชมได้มากสุดกว่า1,000คนรวมทั้งรักรอบนำงาช้างจากเอฟริกาอย่างไรก็ตามรายงานระบุว่าKim Jong Unได้ใช้งบประมาณเพื่อที่สนองตันหาตนเองและได้ใช้งบประมาณเพื่อช่วยเหลือจากนานาชาติไปกับการบริหารประเทศรวมทั้งในโครงการผลิตอาวุธนิวเคลียร์แต่ประชาชนที่เป็นจำนวนมากนั้นได้อดยากปากแห้งแต่สำหรับในการใช้จ่ายของเกาหลีเหนือนั้น

จากแหล่งข่าวทางการทูตก็ได้ระบุว่าเกาหลีเหนือนำเข้าอุปกรณ์ห้องซาวน่า ซึ่งได้มาจากฟินแลนด์และเยรมันนี ซึ่งนายKim Jong Unได้ชอบดื่มและชอบจัดงานเลี้ยงเช่นเดียวกันกับบิดาของเขาทั้งยังสั่งอุปกรณ์มาเพื่อขจัดอากาศเมาค้างและจากการเหนื่อยล้าจากการสังสรรค์มาทั้งคืนขณะที่วายและเครื่องดื่มที่มีราคาแพงก็ได้ถูกนำเข้ามามากกว่าสมัยบิดาของเขาซะอีกแหล่งข่าววงในยังเผยอีกว่าเกาหลีเหนือนำเข้าอุปกรณ์หิมะเทียมและกระเช้าลอยฟ้า

สำหรับที่ขึ้นไปที่รานสกีส่วนตัวเกาหลีเหนือยังได้ชื่อว่าเป็นผู้นำเข้าพันธุ์สุนัขชิสุมาจาดจีนมาตั้งแต่สมัยบิดาของเขาแล้วแต่พอมาถึงยุคนายKim Jong Unมีการนำเข้าพันธุ์นัขเยรมันเช็คเพลิงและสายพันธุ์อื่นจากเซอร์วิสเซอร์แลนด์เป็นประจำทุกปีรวมถึงอุปกรณ์การเลี้ยงสุนัขสุดหรูราคาแพงอีกด้วย

พบม้าจำนวน 30 ตัวตายเรียบในวันเดียว

พบม้าจำนวน 30 ตัวตายเรียบในวันเดียว ที่ อำเภอปากช่อง จังหวัด นครราชสีมา 

  มี เอกสารส่งออกไปถึง ปศุสัตว์จังหวัดทั่วประเทศเกี่ยวกับการต้องสงสัยการแพร่ระบาดของเชื้อโรคซึ่งตอนนี้ยังไม่รู้ว่าเป็นเชื้อโรคอะไรเนื่องจากว่าที่อำเภอปากช่องจังหวัดนครราชสีมามีปศุสัตว์แห่งหนึ่งพบว่าม้าตายเป็นจำนวนถึง 30 ตัวด้วยกันในวันเดียวโดยที่ทุกคนน้องไม่รู้สาเหตุว่ามา 30 ตัวนั้น

ตายเนื่องจากสาเหตุอะไรในขณะนี้ทางสมาคมกีฬาขี่ม้าแห่งประเทศไทย  จึงได้มีการออกหนังสือเตือนให้กับทุกคนที่มีม้ากรมปศุสัตว์ได้มีการให้เฝ้าระวังม้าที่เลี้ยงอยู่และมีการออกคำสั่งห้ามเคลื่อนย้ายมาชั่วคราวจะมีการหาสาเหตุของการตายของม้าทั้ง 30 ตัวได้ 

     เหตุการณ์ในครั้งนี้ได้มีการนำมาโพสต์เผยแพร่ลงบน Facebook ซึ่งคนที่โพสต์ได้มีการระบุเอาไว้ว่ามีม้าซึ่งเป็นม้าแข่งอยู่ดีๆก็ล้มขาดใจตายทั้งหมดถึง 10 ตัวด้วยกันไม่เพียงเท่านั้นยังมีมาที่เป็นม้ากระโดด ก็มีอาการเดียวกันคืออยู่ดีๆก็ล้มแล้วก็สิ้นไปตายซึ่งม้ากระโดดนี้ตายมากถึง 20 ตัวด้วยกัน

และเหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นแค่เพียงวันเดียวเท่านั้นรวมแล้วนะตายภายในวันเดียวถึง 30 ตัวโดยที่ทุกคนก็ไม่ทราบว่าหมาเหล่านั้นเป็นอะไรตายมีสาเหตุมาจากอะไรซึ่งทางแพทย์ที่ดูแลเกี่ยวกับสัตว์กำลังดำเนินการพิสูจน์ด้วยการผ่าศพของม้าที่มีอาการดิ้นแล้วก็ขาดใจตาย 

ทั้งนี้หลังจากที่มีการเผยแพร่เรื่องนี้ออกไปทางสมาคมกีฬาขี่ม้าแห่งประเทศไทยได้ตระหนักถึงปัญหาด้านนี้จึงได้มีการออกเอกสารส่งแจกจ่ายไปยังกรมปศุสัตว์และปศุสัตว์ทั้งหลายทุกจังหวัดทั่วทั้งประเทศไทย ที่มีการเลี้ยงม้าว่าช่วงนี้ห้ามมีการเคลื่อนย้ายม้าไปที่ไหนเด็ดขาด เพราะว่าไม่รู้ว่ามาตั้ง 30 ตัวตาย

เพราะอะไรจะเกิดจากการติดเชื้อโรค  เพราะหากว่ามีการตายเพราะการติดเชื้อโรคจริง เกรงว่าการเคลื่อนย้ายม้าไปที่อื่นจะกลายเป็นการนำเชื้อโรคไปแพร่ให้กับจังหวัดอื่นอื่นด้วย ดังนั้น ตอนนี้เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจจะมีการแพร่ระบาดของเชื้อโรคในม้า จึงห้ามเคลื่อนย้ายม้าออกจากปศุสัตว์เด็ดขาด

ซึ่งตอนนี้กำลังมีการปรึกษาหารือกันถึงปัญหานี้ และต้องรอผลการตรวจหาสาเหตุการตายของม้าทั้ง 30 ตัวจากสัตวแพทยเสียก่อน

    ได้อ่านข่าวนี้ก็สร้างความตกใจได้มากเหมือนกันเพราะทุกวันนี้การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสที่มีผลกระทบกับคนก็ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ยังจะมีการแพร่ระบาดสัตว์ของม๊าที่เกิดขึ้นอีกแล้วยังไม่รู้สาเหตุด้วยว่าเกิดจากสาเหตุอะไรซึ่งเป็นสิ่งที่น่ากลัวเป็นอย่างมากเพราะไม่รู้ว่าม้าตายเพราะอะไรหากเช็คแล้วว่าตายเพราะการติดโรคก็ต้องมาเฝ้าระวังถึงคนอีกว่าจะมีการส่งต่อเชื้อโรคจากม้ามาถึงคนได้หรือไม่ 

คนเสี่ยงติดไวรัสกันเพียบจากสาวขอนแก่นที่ตรวจพบว่าติดโควิด-19

คนเสี่ยงติดไวรัสกันเพียบจากสาวขอนแก่นที่ตรวจพบว่าติดโควิด-19 หลังจากที่เธอเดินทางกลับจากสนามมวย

    แหล่งที่แพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรน่าได้มากอีกหลังหนึ่งนั่นก็คือสนามมวยซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีดาราและเซียนมวยเป็นจำนวนมากที่เดินทางไปเยี่ยมชมการชกมวยหลังจากนั้นกลับมาได้ไม่นานก็พบว่าตนเองติดเชื้อไวรัสโคโรน่าซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้สามารถทราบได้ว่ากลุ่มที่ติดเชื้อไวรัสโคโรน่านั้นไม่ได้มีแค่เพียง 4-5 คนอย่างที่เข้าใจในตอนแรกแต่ปัจจุบันมีการขยายอย่างกว้างขวาง

เนื่องจากว่าคนส่วนใหญ่ไม่ทราบว่าตัวเองมีเชื้อไวรัสโคโรน่าอยู่ในร่างกายจึงยังออกไปใช้ชีวิตประจำวันตามปกติอย่างเช่นสาวขอนแก่นคนหนึ่งที่เธอเองมีญาติอยู่ในค่ายมวยจึงได้เดินทางไปชมการชกมวยที่สนามมวยราชดำเนินซึ่งเป็นสนามเดียวกันกับดาราแมทธิวดีนและผลปรากฏว่าตัวเธอเองก็ติดไวรัสโคโรน่าเช่นเดียวกันซึ่งกว่าเธอจะรู้ตัวว่าเธอติดเชื้อไวรัสโคโรน่านั้นเธอก็ได้เดินทางไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆมากมายหลายที่ซึ่งจะมีการย้อนข้อมูลการท่องเที่ยวของเธอให้ประชาชนได้ทราบกันว่าเธอไปเที่ยวในช่วงเวลาไหนบ้าง

เพื่อที่ถ้าหากใครไปเที่ยวในช่วงเวลาเดียวกันกับเธอตามสถานที่ดังกล่าวนี้ทางรัฐบาลขอความร่วมมือให้มีการประสานงานแจ้งข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเพื่อที่จะได้ทำการกักตัวเองเพื่อตรวจสอบหาเชื้อโรคไวรัสโคโรน่าก่อนเนื่องจากว่ากลุ่มคนที่เดินทางไปยังสถานที่เดียวกันกับหญิงขอนแก่นก็คือคนในกลุ่มเสี่ยงที่จะติดเชื้อไวรัสโคโรน่านั่นเองเรามาดูกันว่าไทม์ไลน์ที่เธอไปนั้นมีที่ไหนกันบ้าง 

  สำหรับทางไทม์ไลน์ ก่อนหน้าที่จะพบว่าสาวขอนแก่นติดเชื้อไวรัสโคโรน่านั้นเดินทางไปโรงเหล้ามิตรภาพและเดินทางไปที่ตะวันแดงขอนแก่นไปตลาดหนองไผ่รอมและไปร้านหมูกระทะชิวๆ ซึ่งเราจะเห็นได้ว่าก่อนที่เธอจะรู้ตัวว่าเธอติดเชื้อไวรัสโคโรน่านั้นเธอเดินทางไปมาหลายที่มากและแต่ละที่ก็เป็นจุดที่มีประชาชนอยู่อย่างหนาแน่นอย่างเช่นร้านตะวันแดงขอนแก่นนั้นเธอไปเที่ยวที่นั่นถึง 3 ครั้งด้วยกัน

ซึ่งช่วงเวลาที่เธอเดินทางไปก็จะเป็นช่วงเวลาตั้งแต่เที่ยงคืนยันถึง 3:30 นและช่วงเวลาดังกล่าวจะเป็นช่วงเวลาที่นักท่องเที่ยวหนาแน่นรวมถึงจะดื่มเหล้ากันจนเมามายแล้วจึงทำให้เชื่อได้ว่าอาจจะมีหลายคนที่ได้รับการติดเชื้อมาจากสาวขอนแก่นคนดังกล่าวดังนั้นเพื่อการดูแลตัวเอง

ให้พ้นจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนาในช่วงเวลานี้ทางรัฐบาลจึงขอความร่วมมือทุกคนงดการเที่ยวสถานบันเทิงต่างๆรวมถึงถ้าหากรู้ว่าอยู่ใกล้กับคนที่มีกลุ่มเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัสแล้วก็ให้แจ้งกับทางเจ้าหน้าที่สาธารณสุขใกล้บ้านเสื้อทางเจ้าหน้าที่จะได้แนะนำวิธีการตรวจสอบตนเองและวิธีการดูแลตนเองใครทราบ

เพื่อนบ้านทะเลาะกันอีกฝ่ายเปิดกระโปรงโชว์ของลับ 

มาดูเหตุการณ์เพื่อนบ้านทะเลาะกันซึ่งมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นเป็นประจำบ่อยครั้ง ล่าสุดเกิดจากบ้านที่อยู่ติดกันบ้านหลังนึงเปิดเพลงเสียงดังทำให้บ้านฝั่งตรงข้ามเกิดความไม่พอใจจึงได้มีการอัดคลิปวีดีโอเก็บเอาไว้ แล้วคุณในขณะที่อัดคลิปอยู่นั้นบ้านที่เปิดเพลงเสียงดังได้ออกมาเห็นว่าฝั่งตรงข้ามมีการอัดคลิปไว้จึงเกิดความไม่พอใจและเกิดการทะเลาะกันขึ้น ทะเลาะกันได้สักพักต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันเข้าบ้านของตนเองแต่เข้าไปได้ไม่ถึง 10 นาทีบ้านที่เปิดเพลงเสียงดังก็เดินออกมาหน้าบ้านอีกครั้งหนึ่ง

เนื่องจากยังเห็นว่าบ้านฝ่ายตรงข้ามยังมีการแอบถ่ายบ้านของตนเองอยู่ดังนั้นจึงเกิดความไม่พอใจและเกิดการทักทายกันขึ้นซึ่งบ้านที่เปิดเพลงเสียงดังตะโกนถามว่าอยากถ่ายนักใช่ไหมเดี๋ยวจะเปิดกระโปรงให้หลังจากนั้นบ้านที่เปิดเพลงเสียงดังก็ตัดสินใจเปิดกระโปรงของตัวเองโชว์ของลับโดยที่ไม่ได้ใส่กางเกงในให้คนที่ถ่ายคลิปได้เห็นหลังที่คลิปดังกล่าวมีการเผยแพร่ออกไปก็ทำให้นักข่าวได้ลงเข้าไปดูพื้นที่ ซึ่งนักข่าวได้ไปคุยกับคุณปฐมพัฒน์ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านกับบ้านทั้งสองหลังโดยเขาได้เล่าว่าช่วงเวลาที่เกิดเหตุเป็นช่วงเวลา 8:30 น.

ซึ่งเป็นช่วงที่เขากำลังจะออกไปทำงานเขาเล่าว่าบ้านทั้งสองหลังเคยทะเลาะกันมาก่อนหน้านี้อยู่แล้วซึ่งวันดังกล่าวบ้านที่ถ่ายคลิปถ่ายไปเพราะว่า ร้านที่เปิดเพลงเสียงดังนำรถมาจอดหน้าบ้านแล้วเปิดประตูรถเปิดเพลงเสียงดังมากทำให้บ้านอีกหลังนึงไม่พอใจจึงได้มาถ่ายคลิปเอาไว้

ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้คุณปฐมพัฒน์แจ้งว่าตัวเองเห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบ เมื่อนักข่าวสอบถามว่าตามความคิดเห็นของนายปฐมพัฒน์แล้วใครผิดถามเพื่อนบ้านที่เป็นคนกลางก็บอกว่าก็ผิดทั้งคู่เพราะว่าฝั่งที่เปิดเพลงเสียงดังก็ทำเกินไปที่เปิดเพลงโดยไม่สนใจว่าบ้านอื่นจะรำคาญเสียงเพลงของตนเองเลย ในส่วนของบ้านที่ถ่ายคลิปเองก็มีความผิดที่ไปยั่วโมโหจนเขาตบะแตกต้องเปิดกระโปรงโชว์ของลับให้ดู

ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้คุณป้าที่โดนถ่ายคลิปที่เปิดกระโปรงโชว์ได้เดินทางไปร้องศูนย์ดำรงธรรมเพื่อทำการเอาผิดกลับบ้านที่ถ่ายคลิปเพราะเนื่องจากว่าเมื่อมีการถ่ายคลิปแล้วยังมีการนำไปโพสต์ลงในโซเชียลมีเดียทำให้ตนเองได้รับความอับอายเพราะคนทั่วประเทศเห็นตัวเองเปิดของลับกันทั้งประเทศแล้ว ซึ่งคุณป้าที่เปิดกระโปรงโชว์ของลับยืนยันว่าฝั่งที่ผิดคือฝั่งที่ถ่ายคลิปถ้าไม่ออกมาโวยวายตนเองก็ไม่ต้องมาเปิดกระโปรงโชว์และไม่ต้องไปเป็นที่อับอายของคนทั้งประเทศแบบนี้ยืนยันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด

สถานการณ์บนเรือย่ำแย่มาก

Grand princessผู้โดยสารบนเรือเริ่มยังอ่านกันแล้วสถานการณ์บนเรือย่ำแย่มาก 

จากกรณีที่มีเรือสำราญGrand princessที่ได้ขออนุญาตเข้ามาจอดที่ฝั่งแคลิฟอร์เนียของประเทศสหรัฐอเมริกาแต่กลับถูกปฏิเสธเพราะกลัวการแพร่เชื้อของไวรัส COVID-19 นั้นตอนนี้มีรายงานสถานการณ์เข้ามาว่าบนเรือสำราญลำดังกล่าวมีประชากรอยู่บนเรือทั้งสิ้นถึง 3500 คนซึ่งทางเจ้าหน้าที่ของประเทศสหรัฐอเมริกาได้ปฏิเสธการขอขึ้นฝั่งหนึ่งจากต้องการป้องกัน

ปัญหาการแพ้เชื้อระบาดของโรคไวรัส COVID-19 และทางเจ้าหน้าที่ของประเทศสหรัฐอเมริกาได้มีการส่งชุดตรวจหาเชื้อโรคขึ้นไปบนเรือสำราญโดยส่งผ่านทางเฮลิคอปเตอร์ไปนั้นพบว่ามีจำนวนผู้ติดเชื้ออยู่บนเรือสำราญในตอนนี้เป็นจำนวนมากถึง 21 คนแล้วดังนั้นทางเจ้าหน้าที่จึงไม่สามารถอนุญาตให้เรือสำราญ

ดังกล่าวเทียบถ้าเพื่อนำประชาชนขึ้นบนฝั่งได้นอกจากนี้ยังมีรายงานสถานการณ์บนเรือสำราญลำดังกล่าวพบว่าอาหารบนเรือสำราญเริ่มร่อยหรอลงแล้วเพราะว่าเรือมีการเดินทางมายาวนานประมาณเดือนกว่าแล้วยังต้องมาจอดหรอกเค้าเทียบท่าเพื่อขึ้นชายฝั่งอีกเป็น ระยะเวลาหลายวันทำให้อาหารบนเรือสำราญเริ่มร่อยหรอลงและผู้คนบนเรือเริ่มทะเลาะกันเพื่อแย่งชิงอาหารและกักตุนอาหารเอาไว้กิน

ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ลูกสาวของผู้ที่ติดอยู่บนเรือสำราญคนหนึ่งได้ออกมาเปิดเผยกับทางสำนักข่าวว่าแม่ของเธออายุ 70 ปีติดอยู่บนเรือสำราญลำดังกล่าวซึ่งในของเธอกำลังจะไม่มีอะไรกินอยู่แล้วที่สำคัญแม่ของเธอไม่ได้ถูกติดเชื้อโรคไวรัส COVID-19 แต่แม่ของเธอยังต้องติดอยู่บนเรือลำดังกล่าวและต้องขังตัวเองอยู่ในห้องเป็นระยะเวลาสามวันมาแล้ว     ซึ่งจะหากยังไม่มีการดำเนินการแก้ไขปัญหาอะไรอยู่แบบนี้

จากที่แม่เธอไม่มีเชื้อไวรัสโควิด-19แม่ของเธออาจจะติดเชื้อเขาสักวันนึงก็ได้หรือไม่เช่นนั้นก็อาจจะอดอาหารตายซึ่งขนาดนี้บนเรือสำราญลำดังกล่าวมีประชาชนชาวอังกฤษอยู่บนเรือทั้งหมด 140 คนแต่รัฐบาลของอังกฤษยังไม่มีการติดต่อเข้ามาเพื่อทำการขอติดต่อมารับตัวประชาชนของตนเองเลยแล้วในตอนนี้แม่ของเธอที่อยู่บนเรือได้เล่าให้เธอฟังว่าผู้คนเริ่มทะเลาะเบาะแว้งกันเองมีการเลือกปฏิบัติ

โดยมีการขัดตัวนักท่องเที่ยวบนเรือสำราญที่เป็นชาวอเมริกันให้สามารถขึ้นมาจากเรือสำราญได้ในขณะที่คนประเทศอื่นๆยังต้องติดอยู่ในเรือสำราญลำดังกล่าวซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าได้มีการแยกตัวนักท่องเที่ยวที่เป็นชาวแคลิฟอร์เนียจากบนเรือมากักตัวไว้กับหน่วยงานของรัฐบาลแต่ในขณะเดียวกันกำลังจะมีการแยกนักท่องเที่ยวที่อยู่บนเรือสำราญที่ไม่ใช่ชาวแคลิฟอร์เนียเพื่อหาสถานที่กับตัวให้เอาไว้ในรัฐอื่นๆซึ่งตอนนี้ยังต้องรอการดำเนินการจัดทำเจ้าหน้าที่ของรัฐต่อไป

 

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย  เว็บพนันออนไลน์2020

ชายหนุ่มคนหนึ่งนำอาวุธปืนบุกมายิงพ่อตา แม่ยาย เสียชีวิต

หนุ่มโหยบุกยิงพ่อตาย แม่ยาย ลูกสาววัย 5 ขวบถูกลูกหลงเสียชีวิต คาดเมียเปลี่ยนนามสกุลให้ลูกคือชนวนแค้น

            จากกรณีที่มีข่าวก่อนหน้านี้ว่ามีชายหนุ่มคนหนึ่งนำอาวุธปืนบุกมายิงพ่อตา แม่ยาย เสียชีวิตและลูกกระสุนยังพลาดไปโดนลูกสาววัย 5 ขวบเสียชีวิตด้วย จึงเป็นสาเหตุทีทำให้คนร้ายใช้อาวุธปืนยิงขมับตัวเองตายตามลูกนั้น เบื้องต้นจากการสอบปากคำคนในบ้านที่รอดชีวิตพบว่า ชายที่ก่อเหตุคนดังกล่าวเป็นอดีตลูกเขยของผู้ตาย โดยผู้ก่อเหตุได้เลิกรากับเมียมา 4 ปีแล้ว

เหตุเพราะผู้ก่อเหตุมีผู้หญิงคนใหม่ ทำให้อดีตภรรยาตีตัวออกห่างและเลิกกันในที่สุด แต่ตัวผู้ก่อเหตุยังคอยตามงอนง้อของคืนดีกับอดีตภรรยาและต้องการให้ภรรยาและลูกกลับไปอยู่ด้วยกันตลอดแต่ภรรยาก็ไม่ยอมคืนดีด้วย ซึ่งปกติคนร้ายมักจะไปเยี่ยมลูกสาวที่โรงเนียนอยู่เป็นประจำ

โดยภรรยาได้กล่าวว่าไม่เคยกีดกันให้นายนิดไม่ได้เจอกับลูก และไม่เคยทะเลาะกัน แต่คนร้ายต้องการให้ภรรยากลับไปอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัวเหมือนเดิมซึ่งภรรยาปฎิเสธมาตลอดทำให้ถูกคนร้ายขู่ที่จะฆ่ายกครัวอยู่บ่อยครั้ง จนพ่อตา ต้องคอยพกปืนเอาไว้ติดตัวตลอด แต่ก็ไม่เคยเห็นคนร้ายจะก่อเหตุมายิงตามที่เคยขู่

จนมาวันที่เกิดเหตุอยู่อยู่คนร้ายก็ปีนหน้าตาเข้ามาในบ้านแล้วมาลงมือก่อเหตุฆ่าคนในบ้านตามที่เป็นข่าว และเมื่อสอบถามพ่อของคนร้ายก็ให้การว่า คนร้ายรักลูกสาวคนเล็กมาก มักจะแอบไปหาลูกที่โรงเรียนเป็นประจำเพราะครอบครัวของอดีตภรรยากีดกันไม่ยอมให้คนร้ายได้เจอกับลูก

เคยขู่ว่าจะเอาตำรวจมาจับซึ่งทำให้คนร้ายเก็บกด และที่เป็นสาเหตุทีทำให้คนร้ายต้องไปยิงคนที่บ้านอดีตภรรยา ทางพ่อของคนร้ายคิดว่าน่าจะมีสาเหตุมาจากที่คนร้ายเกิดความรู้สึกน้อยใจที่อดีตภรรยาเปลี่ยนนามสกุลให้กับลูกจากที่เคยใช้นามสกุลชองคนร้ายไปเป็นนามสกุลของแม่ จึงทำให้คนร้ายไปทำการก่อเหตุดังกล่าว ที่จริงคนร้ายรักครอบครัวมากแต่ที่ต้องเลิกรากันไปเพราะฝ่ายหญิงเกิดหึงหวงเรื่องที่คนร้ายมีผู้หญิงคนอื่นมาติดพัน 

        จากเรื่องราวที่เกิดขึ้นสาเหตุน่าจะมาจากที่ฝ่ายชายทำตัวไม่ดีกับฝ่ายหญิงเพราะนอกใจก่อนแล้วเมื่อฝ่ายหญิงเลิกจึงคิดได้อยากจะกลับมาคืนดี แต่ฝ่ายหญิงและครอบครัวไม่ยอมอภัยให้ คนร้ายจึงเกิดความไม่พอใจ ที่ง้อฝ่ายหญิงนานแล้วเป็นเวลากว่า 4 ปีแต่ฝ่ายหญิงก็ไม่ยอมใจอ่อนสักที เลยมาก่อเหตุฆ่ายกครัวในครั้งนี้

 

สนับสนุนโดย  แทงบอลออนไลน์2020