มวลกดอากาศต่ำของขั่วโลก

มนุษยชาติถือได้ว่าเป็นเผ่าพันธ์สิ่งมีชีวิตที่ครอบครองดาวเคราะห์โลกอยู่ในปัจจุบันมนุษย์มีมันสมองที่มีวิวัฒนาการมากกว่าสัตว์ทุกชนิดบนโลกใบนี้ที่นำไปสู่การสร้างอารยธรรมและก่อกำเนิดเทคโนโลยีเพื่อสร้างโอกาสในการอยู่รอดของเผ่าพันธุ์ได้มากกว่าสิ่งที่มีชีวิตใดๆวันนี้เราจะพามาพบกับEXTREMEที่มันอาจจะทำให้มนุษยชาตินั้นได้สูญพันธุ์ได้ในอนาคต

Polar Vortex

หากได้พูดถึงPolar Vortexซึ่งเชื่อว่าหลายคนก็คงอาจะไม่ค่อยได้คุ้นเคยกันเท่าไรนักและสำหรับปรากฏการณ์นี้ในปัจจุบันก็ได้เริ่มมีการเกิดขึ้นในพื้นที่แคนาดาและอเมริกาเหนือจึงได้ทำให้มีอากาศที่หนาวเย็นและได้มีอุณหภูมิที่ลดต่ำลงได้ถึงประมาณลบ50องศาเซลเซียสในความเลวร้ายของสภาพอากาศเช่นนี้มันสามารถเกิดขึ้นมาได้อย่างไรเราจะมาเรียกรู้กันPolar Vortexมันคือมวลการกดของอากาศที่ต่ำที่มีขนาดใหญ่ขั่วโลก

ที่มีอากาศหนาวเย็นอยู่โดยรอบๆโดยคำว่าVortexนั้นหมายถึง ทิศทางในหารหมุนของกำลังลม ซึ่งไหลวนรวมกันในทิศทางทวนเข็นนาฬิกา

สูงขึ้นไปในชั้นบรรยากาศ กักกักอากาศหนาวเย็นไว้ที่บริเวณขั่วโลกแต่ทั้งนี้ระหว่างช่วงฤดูหนาวในซีลโลกเหนือลมวนPolar Vortexที่มีขนาดใหญ่นี้จะเกิดการบิดเบี้ยวและไม่อยู่ตัวที่ขั่วโลกและจะเกิดการขยายการแพรอิทธิพลเคลื่อนตัวต่ำลงมาและพาอากาศที่หนาวเย็นจากขั่วโลกเหนือนั้นลงมาด้วยสาเหตุที่ทำให้เกิดPolar Vortexได้เป็นผลจากการที่โลกของเราเผชิญกับภาวะโลกร้อนซึ่งได้มาจากชั้นโอโซนจากชั้นบรรยากาศที่ขั่วโลกนั้น

ได้ถูกทำลายเกิดความแปรผันของความกดอากาศซึ่งทำให้เกิดความหนาหนักของPolar Vortexลกลงและไหลเลื่อนออกจากนอกวงปกติโดยปกติแล้วนั้นPolar Vortexได้หมุนวนประจำอยู่เหนือขั่วโลกเหนือโดยมีลมกดหรือเจ๊ดธีมซึ่งมันได้เป็นกระแสลมที่ไหลแรงอยู่ชั้นบรรยากาศ

โดยกำลังกดที่ได้มีกำลังลมแรงมากที่สุดนั้นก็คือลมกดขั่วโลกหรือโพล่าเจ๊ทซึ่งคอยควบคลุมให้Polar Vortexได้มีการพัดวนอยู่ที่วงขั่วโลกเท่านั้นและเมืองลมกดขั่วโลกนั้นได้รับอิทธิพลจากระบบความกดอากาศที่สูงมันจึงได้เกิดอากาศแปรปรวนที่ได้ไหลลงมาทางด้านทิศใต้มากกว่าปกติ

จึงได้ทำให้มวลอากาศหนาวเย็นจากขั่วโลกที่มันได้เพื่อแพร่ลงมายังที่พื้นที่อเมริกาเหนือนั่นเองทั้งนี้ยังแม่น้ำหลายสายต่างๆก็จะเต็มไปด้วยของกดอากาศที่จะทำให้น้ำนั้นเป็นกลายมาเป็นน้ำแข็งไปทั่วทุกพื้นที่มุมทวีปอเมริกาที่จะทำให้มีแต่น้ำแข็งนั้นอยู่ตลอด

อาลัย ตั้ว กีรติ เสียชีวิตนานนับเดือนไม่มีใครรู้

 เป็นข่าวที่โด่งดังอย่างมากอยู่ในขณะนี้เกี่ยวกับการเศษชนิดของคุณตู้กีรติดีไซเนอร์ชื่อดังของเมืองไทยซึ่งมีคนมาพบว่าเป็นศพอยู่ในบ้านพักของตนเองหลังจากที่มีการเสียชีวิตมาแล้วเกือบเดือนด้วยกันโดยเหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นเนื่องจากว่าเพื่อนบ้านสังเกตเห็นว่าคุณตู้กีรติ

ซึ่งปกติแล้วมักจะออกมากวาดใบไม้ที่หน้าบ้านอยู่เป็นประจำกับพบว่าไม่เห็นออกมากวาดใบไม้เลยนานเกือบเดือนทำให้เพื่อนบ้านสงสัยว่าคุณตั้วกีรติไปไหนเพราะ เป็นบ้านยังคงได้ยินเสียงปั๊มน้ำของที่บ้านของคุณโจ้กีรติทำงานอยู่แต่กลับไม่พบว่าออกมาเดินเล่นในบริเวณบ้านของตนเอง

เลยถามเพื่อนบ้านจึงได้มีการประสานงานไปทางญาติของคุณกีรติเพื่อให้มาดูว่าคุณธุรกิจยังสบายดีอยู่หรือไม่และเมื่อทางญาติเดินทางมาถึงก็พบว่าคุณตั้วปกตินอนเสียชีวิตอยู่ตรงบันไดชั้นล่างของบ้านพักจากนั้นจึงได้มีการแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาตรวจสอบสาเหตุการตาย

ซึ่งผลปรากฏว่าจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่บ้านของคุณเองนั้นเกิดจากการเสียชีวิตเนื่องจากมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของสุขภาพไม่ได้เกิดจากสาเหตุของการถูกฆาตกรรมแต่อย่างใดเพราะกล้องวงจรปิดสามารถจับภาพได้ว่าครั้งสุดท้ายที่กล้องวงจรปิดจับภาพของคุณกีรติได้นั้นมีลักษณะของการเดินโซเซเหมือนมีอาการไม่สบาย

หลังจากนั้นไม่นานก็พบว่าคุณกีรติได้ล้มลงที่พื้นและมีอาการกลิ้งไปกลิ้งมาเหมือนกับทรมาน อย่างมากและหลังจากนั้นคุณ ตั้ว กีรติ  ก็นอนอยู่ตรงนั้นไม่ได้ลุกหายไปไหน ซึ่งภาพของกล้องวงจรปิดจะเห็นว่าหลังจากที่เขาล้มลงแล้ว 2 วันต่อมายังมีการกลิ้งไปกลิ้งมาแต่ก็ไม่ลุกขึ้นจนในที่สุดร่างของเขาก็สงบนิ่งซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่านั่นคือการเสียชีวิตของคุณ  ตั้ว กีรติ นั่นเอง

โดยทางญาติได้ให้ข้อมูลกับทางตำรวจและผู้สื่อข่าวว่าสาเหตุที่ไม่เคยมีใครเดินทางมาหาคุณกีรติเลยงั้นก็เพราะว่าก่อนหน้านี้แม่ของคุณ   ตั้ว กีรติ  เสียชีวิตและทุกคนคิดว่าคุณ   ตั้ว กีรติ ต้องการทำใจและต้องการอยู่กับตัวเองเงียบจึงไม่มีใครกล้ามารบกวนเลยทำให้ไม่มีใครรู้ว่าคุณ ตั้ว กีรติ  เสียชีวิตไปตั้งแต่เมื่อไหร่

ซึ่งเรื่องราวการเสียชีวิตของคุณ ตั้ว กีรติ ได้เผยแพร่ออกไปดารานักแสดงเป็นจำนวนมากต่างก็มีการโพสต์ไว้อาลัยเพราะคุณ ตั้ว กีรติ ถือว่าเป็นดีไซเนอร์ชื่อดังที่ใครทุกคนก็รู้จักและเคยร่วมงานกันเป็นอย่างดี 

         เหตุการณ์ในครั้งนี้ต้องเป็นอุทาหรณ์ให้หลายๆคนคอยดูแลสอดส่องญาติมิตรของตนเองว่าหากหายไปนานควรจะมีการพบปะติดต่อสอบถามสาธุสุขดิบบ้างเขาไม่เช่นนั้นหากเกิดอะไรขึ้นเราก็จะไม่ทราบเลย 

เมื่อประชาชนไม่ยอมกักตัวอยู่ในบ้าน

เมื่อประชาชนไม่ยอมกักตัวอยู่ในบ้านตำรวจอินเดียจึงต้องงัดวิธีการเด็ดเข้ามาช่วยด้วยการใส่หน้ากากเชื้อไวรัสโควิด-19 เพื่อต้องการให้ประชาชนกลัว 

    เป็นเรื่องที่น่าต้องวนไปสำหรับหลายๆประเทศเมื่อรัฐบาลออกมาประกาศให้ทุกคนช่วยกันระวังการติดเชื้อไวรัส โควิด-19  ด้วยการพยายามให้กักบริเวณตัวเองอยู่แต่ในบ้านไม่ออกมาข้างนอกรวมถึงให้สวมใส่หน้ากากอนามัยและใช้เจลล้างมือซึ่งวิธีการนี้เป็นวิธีการขั้นต้นของทุกประเทศที่รัฐบาลออกมาประกาศขอความร่วมมือกับประชาชนทุกคนไม่ว่าประเทศไหนก็ตามก็มักจะมีผู้คนพยายามฝ่าฝืนสิ่งที่รัฐบาลพยายามร้องขอเพื่อให้ช่วยกันลดปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19  หนึ่งในประเทศที่มีปัญหาเดียวกันนี้

ก็คือประเทศอินเดียซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอินเดียมักจะพบว่าชาวบ้านไม่ยอมให้ความร่วมมือในการที่จะกักบริเวณตัวเองอยู่แต่ในบ้านตามที่ราชการทำการร้องขอและถึงแม้ทางรัฐบาลจะได้ออกมาตรการขั้นเด็ดขาดด้วยการประกาศเคอร์ฟิวแต่ก็ไม่สามารถยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19ได้รวมถึงไม่สามารถหยุดการออกนอกบ้านของชาวบ้านได้เลยในปัจจุบันประเทศอินเดียมีผู้ติดเชื้อไวรัสมากกว่า 1000 คน

และยังมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆสาเหตุก็เนื่องจากว่าประชาชนของประเทศอินเดียไม่เชื่อฟังคำสั่งของรัฐบาลและไม่เกรงกลัวกฎหมายถึงแม้ว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีการหามาตรการมาบังคับให้ประชาชนอยู่ในบ้านแล้วก็ตามซึ่งก่อนวันนี้เราจะเห็นว่ามีนายตำรวจของประเทศอินเดียนำไม้มาฟาดคนที่ไม่กักบริเวณตัวเองอยู่แต่ในบ้านแต่ถึงแม้จะโดนตีโดนฟาดประชาชนก็ยังพยายามที่จะเดินทางออกนอกบ้านกัน

ดังนั้นจึงมีเจ้าหน้าที่ตำรวจหัวใสคิดค้นวิธีการที่จะสามารถทำให้ประชาชนอยู่แต่ในบ้านโดยการสร้างหมวกกันน็อคที่เป็นรูปทรงของเชื้อไวรัสโควิด-19  และหลังจากนั้นก็สวมใส่หมวกกันน็อคอันนี้เอาไปหลอกประชาชนที่มีการเดินทางออกนอกบ้าน  ไม่น่าเชื่อว่าวิธีการนี้จะได้ผลดีเกินคาดเนื่องจากว่าหมวกกันน็อครูปทรงโควิด-19 นี้สร้างความหวาดกลัวให้กับประชาชนโดยเฉพาะเด็กๆเป็นอย่างมากทำให้ปริมาณประชาชนที่เดินทางออกนอกบ้านลดลงอย่างเห็นได้ชัดฝันว่า 

    สำหรับแนวความคิดนี้เป็นความคิดของสารวัตร  ราเจช   บาบู   ซึ่งเขาเป็นนายตำรวจที่คิดค้นและเป็นผู้สวมใส่หน้ากากนี่เองโดยเขาใส่หน้ากากนี้เที่ยวหลอกชาวบ้านที่เดินทางออกนอกบ้านแทบไม่ได้พักผ่อนซึ่งในขณะที่เขามีการนำหน้ากากนี้ออกไปหลอกชาวบ้านเขา

ก็ให้คำแนะนำและอธิบายถึงความน่ากลัวของเชื้อไวรัสชนิดนี้ให้กับชาวบ้านให้ฟังและไม่น่าเชื่อว่าวิธีการนี้ของสารวัตร  ส่งผลให้จำนวนชาวบ้านที่ได้รับข้อมูลข่าวสารจากทางสารพัดลดปริมาณการออกจากบ้านลงอย่างเห็นได้ชัด 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  bk8

นายอำเภอปะทะเดือดกับชาวบ้าน

นายอำเภอปะทะเดือดกับชาวบ้านต้องการห้ามจัดงานเลี้ยงเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 

              มีเหตุการณ์ที่เผยแพร่คลิปการปะทะกันระหว่างทางเจ้าหน้าที่ตำรวจในอำเภอรวมถึงกำนันผู้ใหญ่บ้านที่เดินทางไปห้ามลูกบ้านไม่ให้มีการจัดงานขึ้นบ้านใหม่โดยในคลิปจะเห็นว่าทางชาวบ้านเองก็ไม่พอใจที่ทางเจ้าหน้าที่มาห้ามปรามเนื่องจากมีอาการเมาสุรากันอยู่สวนทางเจ้าหน้าที่เองก็ต้องการที่จะห้ามไม่ให้จัดงานเนื่องจากว่าเป็นการชุมนุมที่มีคนมาร่วมงานกันอย่างหนาแน่นและแต่ละคนที่เดินทางมาก็ไม่มีใครที่จะสวมใส่หน้ากากอนามัย

หรือมีอุปกรณ์ที่จะเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าเลยเนื่องจากทางอำเภอเองก็ต้องมีการทำตามนโยบายของรัฐบาลที่ขอความร่วมมือประชาชนในการห้ามจัดงานเลี้ยงต่างๆเพื่อเป็นการยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า

ซึ่งในคลิปจะเห็นว่ามีเหตุการณ์ที่นายอำเภอต้องถึงขนาดยกปืนขึ้นฟ้าเพื่อขู่ให้ประชาชนอยู่ในความสงบกันด้วยอาทิตย์นี้ได้มีการเผยแพร่ออกไปก็มีการพูดถึงกันเป็นจำนวนมากทั้งในทางดีและในทางที่ไม่ดีซึ่งทางผู้ว่าราชการจังหวัดก็ได้ทราบเรื่องราวดังกล่าวและได้มีการเรียกทั้งสองฝ่ายโดยได้ทั้งทางฝ่ายของหน่วยงานราชการและทางฝ่ายของชาวบ้านออกมาพูดคุยกันจะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่ายในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้

ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้มีชาวบ้านจำนวนมากที่ได้ออกมาต่อว่าหน่วยงานราชการที่เข้าไปขัดขวางการจัดงานขึ้นบ้านใหม่เนื่องจากว่าชาวบ้านเองต้องมีการเตรียมงานกันไว้นานแล้วแต่ในส่วนของทางไปอำเภอเองก็เห็นว่าชาวบ้านไม่ได้มีการป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรนากันเลยจึงเกรงว่าจะเกิดอันตรายและการแพร่ระบาดอย่างกว้างขวางจึงจำเป็นต้องมีการเข้ามาพูดคุย

เพื่อให้หยุดจัดงานดังกล่าวซึ่งส่งผลให้มีการทะเลาะวิวาทกันเกิดขึ้นระหว่างทางเจ้าหน้าที่รัฐกับประชาชนโดยเหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นที่จังหวัดน่านซึ่งบ้านหลังที่เกิดเหตุเป็นบ้านของ นายใจ  ใจมั่น เป็นชาวอำเภอสองแควซึ่งในครั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจและทางฝ่ายเจ้าหน้าที่ในอำเภอเองก็มีความผิดที่เข้าไปแจ้งการงดการจัดงานกับทางประชาชน

โดยที่ไม่ได้มีการสวมใส่ชุดของข้าราชการให้ดูว่าเป็นการทำงานอย่างเป็นทางการส่วนประชาชนเองก็มีความผิดในโทษฐานที่ไม่ให้ความร่วมมือกับทางรัฐบาลหรือหน่วยงานราชการในการที่จะยับยั้งการแพร่ระบาดการติดเชื้อไวรัสโคโรน่า

                 หากเกิดมีการแพร่ระบาดเกิดขึ้นน่าจะมีคนติดเป็นจำนวนมากเพราะในงานมีคนมาร่วมงานจำนวนเกือบ 100 คนซึ่งแต่ละคนต่างก็พากันเมาสุราและไม่ได้มีการป้องกันอะไรเลยดังนั้นหากมีใครคนใดคนนึงที่มีเชื้อไวรัสโคโรน่าอยู่ก็สามารถมาแพร่เชื้อให้กับคนอื่นๆได้เนื่องจากว่าทั้งอาหารการกินที่กินร่วมกันรวมถึงการดื่มสุราที่ใช้แก้วเดียวกันก็เป็นวิธีการที่จะทำให้เกิดการแพร่ระบาดได้ทั้งหมด

เซียนมวยที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19

เซียนมวยที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 แสดงใบแจ้งค่ารักษาทั้งที่ยังไม่หายแต่ยอดทะลุหลักแสน

        กำลังเป็นที่สนใจมากกับ Facebook ของเซียนมวยท่านหนึ่งที่มีการได้นำใบแจ้งค่าบริการในการรักษาการติดเชื้อไวรัสโควิด-19เอามาแสดงลงใน Facebook ส่วนตัวให้กับเพื่อนๆใน Facebook ได้ดูกันซึ่งข้อมูลตรงนี้ได้ถูกมีการแชร์กันอย่างกว้างขวางทำให้เห็นว่าค่ารักษาพยาบาลค่าการรักษาการติดเชื้อไวรัสโควิด-19  นั้นมีราคาค่อนข้างสูงเพราะในขณะที่ เซียนมวยคนดังกล่าวตอนนี้ยังต้องรักษาตัวเองอยู่นั้นรักษาพยาบาลก็ทะลุหลักแสนบาทเรียบร้อยแล้ว 

       เป็นอีกหนึ่งของผู้ที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19ที่ได้ออกมาเปิดเผยเรื่องราวการรักษาพยาบาลโดยเซียนมวยวันนี้ได้ออกมาโพสต์ภาพใบแจ้งค่าบริการที่ถูกด้วยเก็บแพงมากๆแถมยังมีการโพสต์ข้อความบอกด้วยว่าตนเองได้ดูข่าวที่ท่านนายกรัฐมนตรี  พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ออกมาแถลงการณ์เกี่ยวกับการหาทางแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และการดูแลประชาชนในกรณีที่ประชาชนมีการติดเชื้อไวรัสโควิด-19

โดยทางนายกรัฐมนตรีออกมายืนยันว่ารัฐบาลได้มีการเตรียมความพร้อมในการเปิดสถานพยาบาลสำหรับผู้ที่ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19เอาไว้เป็นจำนวนมากดังนั้นจึงยืนยันได้ว่ามีเตียงนอนเพียงพอสำหรับผู้ป่วยที่จะเดินทางมารักษาอาการติดเชื้อไวรัส โควิด-19  แต่ทางเซียนมวยท่านนี้กลับออกมาบอกข้อมูลที่ย้อนแย้งกับที่ทางนายกรัฐมนตรีได้ประกาศไปเมื่อช่วงคืนเมื่อวานที่ผ่านมาโดยเซียนมวยท่านนี้กล่าวว่าตนเองติดเชื้อไวรัสโควิด-19 มาจากสนามมวยราชดำเนิน

โดยเป็นช่วงเดียวกันกับที่ ดาราแมทธิว ดีน ติดเชื้อซึ่งกว่าตนจะได้รับการรักษาก็ต้องรอคิวเป็นเวลานานถึง 4 วันเนื่องจากโรงพยาบาลแจ้งว่าเตียงสำหรับการรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เต็มดังนั้นเซียนมวยจึงได้พูดเหมือนกับว่าที่นายกรัฐมนตรีได้แถลงการออกไปนั้นไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด 

      สำหรับปัญหาผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19ขาดแคลนโรงพยาบาลที่จะเข้าไปทำการรักษานั้นพบว่ามีผู้ป่วยหลายรายที่ออกมายืนยันตรงกันว่าเมื่อติดต่อไปทางโรงพยาบาลส่วนใหญ่แล้วจะมีการแจ้งเกี่ยวกับเรื่องของเตียงนอนของผู้ป่วยที่มีคนนอนเต็มหมดแล้วการรักษาเชื้อไวรัสโควิด-19งั้นผมว่าตอนนี้มีแค่โรงพยาบาลของรัฐบาลเท่านั้นที่เปิดให้บริการในการรักษาส่วนโรงพยาบาลเอกชนนั้น

ทำได้แค่เพียงตรวจเช็คหาเชื้อให้เท่านั้นแต่จะไม่ได้รับรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19ดังนั้นในสถานการณ์ตอนนี้ที่มีจำนวนผู้ป่วยที่ติดเชื้อการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19เป็นจำนวนมากอาจจะทำให้เตียงนอนของผู้ป่วยไม่เพียงพอที่จะรองรับผู้ป่วยที่เข้าไปรักษาด้วยอาการติดเชื้อไวรัสโควิด-19แน่นอน 

 

ขอบคุณผู้ที่ให้การสนับสนุนโดย  rb88

เปิดโครงการสมัครใจลาออกเพื่อลดจำนวนพนักงานช่อง3

ในตอนที่ประเทศไทยมีสภาวะเศรษฐกิจที่ฝืดเคืองอย่างนี้ช่อง3ได้เปิดโครงการสมัครใจลาออกเพื่อต้องการที่จะลดจำนวนประชากรของพนักงานลงโดยต้องการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันการทำงานของพนักงานในองค์กรให้สูงขึ้นและควบคุมขนาดขององค์กรไม่ให้มีขนาดใหญ่มากเกินไป

     หากยังคงจำกันได้เมื่อช่วงปีพ.ศ. 2562 ช่องสามได้มีการเลิกจ้างพนักงานในองค์กรของตัวเองรวมทั้งสิ้น 154 คนโดยในตอนนั้นทางช่องสามนี่ออกมาบอกกับทุกคนว่าต้องการที่จะมีการปรับปรุงโครงสร้างขององค์กร ซึ่งในครั้งนั้นช่องสามได้ประกาศให้พนักงานคนไหนที่ตัดสินใจที่จะลาออกสามารถลาออกได้โดยทางช่องสามจะมีการจ่ายเงินเยียวยาให้เป็นพิเศษซึ่งระบุว่าจะจ่ายให้มากกว่าที่กฎหมายกำหนดให้กับพนักงานที่ลาออกด้วย

โดยช่องสามไม่มีนโยบายที่จะจริงพนักงานออกดังนั้นจึงขอความสมัครใจจากพนักงานหากคนไหนไม่อยากจะทำงานกับช่องสามก็สามารถออกได้ทันทีจนเวลาผ่านเข้ามาในปีพ.ศ. 2563    

ในครั้งนี้ทางช่องสามได้มีประกาศของการออกมาอีกครั้งเป็นโครงการสมัครใจลาออกเนื่องจากในช่วงนี้สภาวะเศรษฐกิจไม่ดีลูกค้าไม่ค่อยซื้อโฆษณาดังนั้นทั้งสามจึงต้องมีการปรับปรุงโครงสร้างขององค์กรให้มีขนาดเล็กลงเพื่อที่จะสามารถดำเนินธุรกิจไปต่อได้โดยโครงการนี้จะเปิดให้พนักงานได้เข้ามาลาออกในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ซึ่งในครั้งนี้ก็เช่นเดียวกันเหมือนกับปีที่แล้วที่จะไม่มีการบังคับให้พนักงานคนไหนลาออกแต่ทางช่องสามจะให้จิพนักงานแต่ละคนตัดสินใจด้วยกันเองว่าจะอยู่กับองค์กรต่อหรือจะลาออกไปซึ่งของการนี้จะเป็นการให้พนักงานตัดสินใจด้วยตนเองอย่างแท้จริงจะไม่มีการบังคับใดใดทั้งสิ้น

     อย่างที่เราทราบกันดีอยู่ว่าตอนนี้เศรษฐกิจของประเทศไทยไม่ได้ดีเป็นอย่างมากหลายบริษัทต้องปิดกิจการลงเพราะ เพราะปัญหาเศรษฐกิจและยังมีอีกหลายบริษัทที่กำลังจะปิดตัวลงในไม่ช้าและยังมีอีกหลายบริษัทที่ต้องมีการพัฒนาบริษัทของตัวเองเพื่อให้อยู่รอดให้ได้ในสภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้

อย่างนี้นั่นก็คือช่องสามที่คนไทยรู้จักกันดีในการทำข่าวทำละครที่มีคุณภาพแต่เนื่องจากในสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ทางผู้บริหารเล็งเห็นว่าหากปล่อยทิ้งไว้แบบนี้ต่อไปช่องสามอาจจะต้องปิดกิจการตามธุรกิจอื่นๆไปดังนั้นจึงต้องมีการปรับขนาดขององค์กรเพื่อที่ให้ช่องสามยังสามารถอยู่ต่อไปได้และสามารถทำกำไร ให้กับบริษัทโดยไม่ให้ขาดทุนเพื่อที่บริษัทจะได้เติบโตและอยู่ต่อไปได้อย่างมั่นคงในอนาคตข้างหน้าดังนั้นทางช่องสามจึงได้ประกาศโครงการนี้ออกมาเพื่อเป็นทางเลือกให้กับพนักงานว่าจะอยู่กับองค์กรหรือใครจะไปจากองค์กร           

ก่อนหน้านี้ในโลกออนไลน์ได้มีการแชร์ข้อความ

แฟนจับโป๊ะได้เจอถุงยางอนามัยที่ใช้แล้วจุ๊บจิ๊บLet  Me In ยอมรับผิด

จากกรณีที่ก่อนหน้านี้ในโลกออนไลน์ได้มีการแชร์ข้อความของผู้ชายคนหนึ่งที่ออกมาเขียนระบายผ่าน Facebook ส่วนตัวของตนเองว่าจับได้ว่าแฟนตัวเองนอกใจไปมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับใช้อื่นเหตุเพราะเขาไม่พบแปรงสีฟันของเค้าในห้องน้ำของแฟนซึ่งเค้าเคยวางไว้อยู่เป็นประจำแต่กลับหายไปจึงทำให้เขาต้องเป็นคนทั้งขยะดูแล้วพบกับถุงยางอนามัยที่ใช้แล้วจึงทำให้เค้ารู้ว่าแฟนของเค้านอกใจด้วยการมีชู้

ซึ่งเรื่องนี้หลายคนก็เกิดความรู้สึกสงสารชายหนุ่มที่ต้องมาพบเจอกับเหตุการณ์แบบนี้และต่างก็ให้กำลังใจชายหนุ่มคนดังกล่าวกันเป็นอย่างมากแต่อีกหลายคนในโลกโซเชียลก็หาข้อมูลว่าหญิงสาวคนดังกล่าวคือใครซึ่งทำให้ดูได้รู้ว่าหญิงสาวที่ชายหนุ่มคนดังกล่าวพูดต่อว่านั้นคือน้องจุ๊บจิ๊บจากรายการ Let Me In ซึ่งชายหนุ่มที่มีการโพสต์ข้อความระบายนั้นยังได้บอกกับคนในโลกโซเชียลอีกด้วยว่าตนเองคิดกับเรื่องนี้แล้วและจะไม่มีวันอภัยให้กับจุ๊บจิ๊บเป็นอันขาดซึ่งแน่นอนว่าไม่มีทางที่ทั้งสองคนจะกลับมาคืนดีกันได้อีก

เรื่องราวที่ร้อนแรงและกำลังเป็นที่อื้อฉาวอยู่ในขนาดนี้นั่นก็คือการที่แฟนหนุ่มของโพยตีแสนสวยที่ชื่อว่าจุ๊บจิ๊บได้ออกมาแฉถึงเหตุการณ์ที่ถูกจุ๊บจิ๊บนอกใจโดยมีหลักฐานชัดเจนจากถุงยางอนามัยที่ใช้แล้วซึ่งฝ่ายชายได้ออกมาบอกว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้สร้างความเจ็บปวดให้กับตนเองเป็นอย่างมากเพราะตัวเองทุ่มเทให้กับแฟนสาวมาโดยตลอดจึงไม่คิดว่าแฟนสาวจะมาทำร้ายตัวเองได้มากขนาดนี้ซึ่งเรื่องนี้นายเอ

ซึ่งขณะนี้ได้เป็นอดีตแฟนของจุ๊บจิ๊บได้ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวว่า ที่ตนเองจับได้นั่นก็เพราะว่าแปรงสีฟันที่เคยวางคู่กับแฟนสาวของตัวเองหายไปเมื่อถามจุ๊บจิ๊บก็บอกว่าเอาไปเก็บไว้ในตู้จึงทำให้ตนสงสัยโดยเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นมาถึงสองครั้งทำให้ตนเอะใจลองค้นถังขยะดูจึงทำให้พบกับถุงยางอนามัยตามที่เป็นข่าวดังกล่าวซึ่งหลังจากนี้ตนจะเลิกกับจุ๊บจิ๊บและไม่ขอคืนดีกันอีกส่วนจุ๊บจิ๊บเองก็ได้ออกมาโพสต์ขอโทษยอมรับผิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว

อย่างที่เห็นข่าวออกมาตามสื่อต่างๆจะเห้นได้ว่าสังคมเรานั้นได้มีการเปรี่ยนไปจากเดิมค่อนข้างมาก หากเรานั้นจะอยู่กับสังคมอย่างนี้ได้เรานั้นจะต้องรับมือกับมันให้ได้เป็นอย่างดีหรือจะต้องตั้งใจอย่างแน่วแน่โดยการฝึกสมาธิหรือปล่อยวาง หากเรานั้นเครียดไปด้วยก็จะส่งผลเสียขึ้นกับตัวเราได้ในที่สุด จะเห็นได้จากข่าวข้างต้นหรือแม้แต่ข่าวอื่นๆที่เรานั้นได้เห็นอย่างทุกวันนี้